สิ่งที่เป็นตรงข้ามกับ
ความอาฆาตพยาบาท
ได้แก่ เมตตา
เมตตาคือความสุข
ส่วนพยาบาทคือความทุกข์
เมื่อความสุขมากพอ
ก็ท่วมทับความทุกข์ให้เจือจาง
หรือลบหายไปได้
น่าเสียดาย ชาวพุทธพากันสวดมนต์
ไม่ใช่สวดเพื่อความสุข
แต่สวดกันเพื่อเป็นทุกข์หนักกว่าเดิม
กล่าวคือ ชาวพุทธสวดมนต์กันสองแบบ
หนึ่ง คือ สวดแบบเจือด้วยโลภะ
เช่น สวดเสร็จอธิษฐานขอให้ตนเลิกผูกใจเจ็บได้เร็วๆ
สอง คือ สวดแบบเจือด้วยโทสะ
เช่น สวดเสร็จอธิษฐานแช่งศัตรูคู่แค้นให้มีอันเป็นไปไวๆ
ที่ถูก เพื่อสวดให้เป็นสุข
ต้องสวดแบบเจือด้วยเมตตา
คือ ขณะสวดไม่หวังอธิษฐานขออะไร
ขอแค่ได้ถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชา
ลองสังเกตดู ขณะสวดอิติปิโส
ซึ่งเนื้อหาสรรเสริญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างเดียว
ขณะเปล่งเสียงเต็มปากเต็มคำ
สรรเสริญสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ใจจะเปิดกว้าง โปร่งเบา
ราวกับถวายความสุขแด่พระพุทธรูปตรงหน้า
เสียงจะไพเราะขึ้นทีละน้อย
กับทั้งเมื่อได้กระแสเสียงอันเป็นกุศลอาบจิต
จนกระทั่งจิตฉายแสงศักดิ์สิทธิ์ตามไปด้วย
คุณจะรู้สึกราวกับมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์
มาประดิษฐานอยู่ในจิตตัวเอง
ไม่ใช่แค่สิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกตัวอีกต่อไป
ณ จุดที่รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ภายใน
เท่ากับเกิดประสบการณ์จิตเปิดรับพลังศักดิ์สิทธิ์
ที่ตรงนั้น ไม่ต้องหวังอธิษฐาน
ไม่ต้องหวังขออะไรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกอีก
ให้ขอเอาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สว่างขึ้นมาตนได้เลย
ขอว่า ด้วยจิตที่สุกสว่างดีแล้วนี้
จงเป็นที่ตั้งของความเมตตา
ที่อยู่เหนือความอาฆาตพยาบาท
จงอย่าได้มีความผูกใจเจ็บอันใดเกิดขึ้นได้
หรือถ้าจะต้องเกิดขึ้น
ก็ขอให้จิตอันสว่างศักดิ์สิทธิ์นี้
ปรากฏขึ้น ณ จุดนั้น เพื่อปัดเป่าให้หายไปโดยเร็ว
ครั้งต่อไปเมื่อจำเป็นต้องเผชิญหน้า
กับเรื่องน่าให้ผูกใจเจ็บอีก
คุณจะพบกับความน่าอัศจรรย์
คล้ายมีความชุ่มเย็นเกิดขึ้นเอง
เป็นความเย็นที่มาพร้อมกับสติอันสว่างกลางใจ
ไม่หลงร้อน ไม่หลงด่า ไม่หลงลงมือหรือถลึงตาใส่ใคร
ใจใสเหมือนแก้ว แม้มีมลทินบ้างก็ชั่วคราว
กลายเป็นคนใจเย็นลงเพราะสวดมนต์เป็น!
chAyA โดยส่วนตัวเราเชื่อว่า.. การสวดมนต์ไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากทำให้เกิดสมาธิ เพราะในขณะที่เราสวดมนต์ จิตใจเราจะจดจ่ออยู่บทสวดนั้นๆไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นๆไปชั่วขณะ พอบทสวดมนต์จบ ความพยาบาท อาฆาต ก็จะกลับมา
หากคุณเชื่อเรื่อง.."กฎแห่งกรรม" ใครทำกรรมเช่นไร ย่อมได้รับผลกรรมเช่นนั้น รอดูวันที่เขาได้รับผลจากกรรม(ชั่ว) อย่าเก็บเอาไฟแค้นมาทำร้ายตัวเราเอง ให้อภัยไม่ได้#แค่ปล่อยวาง#
10 มิ.ย. 2562 เวลา 01.36 น.
🐹🐹🐹🐹🐹 จะบอกไรให้นะคนกินเหล้ากะคนเข้าวัดนะไม่มีอะไรต่างกันหลอก
คนกินเหล้าเมาเพื่อลืมทุกมีสุขชั่วขนะ
คนเข้าวัดทำบุนทำสมาทิเพื่อลืมทุกมีสุกชั่วขนะ
แต่พอคนกินเหล้าหายเมาคนเข้าวัดแล้วกลับออกมา
แม่งความทุกนั้นก้อยังคงอยุ่ด้วยกันทั้งคุ่นะแหละใช่ว่าแม่งจะหายไปเพาะแดกเหล้าเหรอเข้าวัด
09 มิ.ย. 2562 เวลา 11.56 น.
ภูวดล ชาวพุทธสวดมนต์แค่สองแบบคือสวดแบบโลภะอธิษฐานให้ตัวเองเลิกผูกใจเจ็บกับสวดแช่งคนอื่นให้มีอันเป็นไป เออช่างคิดได้นะ
09 มิ.ย. 2562 เวลา 13.12 น.
ใจเลิกพยาบาท มันอยู่ที่ใจ ปรับแนวคิด วิธีคิด
สวดมนต์ ส่วนตัว ไม่ได้ช่วยอะไร
09 มิ.ย. 2562 เวลา 11.27 น.
ใจไม่พยาบาทก็คือเลิกพยาบาท จะคิดให้มันซับซ้อนไปทำไม
09 มิ.ย. 2562 เวลา 11.48 น.
ดูทั้งหมด