คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
นักเตะชื่อดังไม่น้อยที่มีบทบาทเด่นเป็นตัวสำคัญสร้างความสำเร็จให้กับสโมสรต้นสังกัด แฟนบอลคลั่งไคล้ให้ความนิยมชื่นชอบ แม้รับใช้สโมสรเป็นระยะเวลานานพอสมควรจนภาพความทรงจำของพวกเขาถูกนับรวมเป็น 1 ในตำนานของสโมสร แต่ทันทีที่จำต้องลาจากไปเพื่อค้นหาความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะการโยกย้ายไปร่วมอยู่ในถิ่นของคู่ต่อกรในลีกเดียวกัน มักไม่ได้รับการเลี้ยงอำลาด้วยความอาลัย แต่กลับกลายเป็นคำสาปแช่ง ขับไสไล่ส่ง
ผมยังจำ อูโก ซานเช้ส (Hugo Sánchez) กองหน้าดาวยิงทีมชาติเมฮีโก จากสโมสรเรอัล มาดริด ที่จะตีลังกาทุกครั้งหลังจากทำประตูได้ หมอนี่มีพี่สาวเป็นนักจิมน้าสติคและตัวเองก็เคยฝึกมาก่อนด้วย นั่นทำให้เขามักจะทำประตูด้วยจักรยานอากาศหรือวอลเลย์อย่างมหัศจรรย์บ่อยๆ ตลอด 7 ฤดูกาลที่เล่นให้ เรอัล มาดริด หมอนี่ลงสนาม 207 นัด ซัดไป 208 ประตู นับเป็นสกอร์สูงสุดอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ของ ลา ลีกา และถ้านับเฉพาะนักเตะต่างชาติก็เป็นรองแค่ ลิโอเน็ล เม้สซี่ (Lionel Messi) กับ คริชติอาโน โรเนาโด (Cristiano Ronaldo) เท่านั้น
อูโก ฉายแววตั้งแต่เล่นให้กับ ปูมัส เด ลา อูนัม (Pumas de la UNAM) สโมสรอาชีพของมหาวิทยาลัยใน เมฮีโก ตลอด 5 ฤดูกาล ทำให้หลายสโมสรในทวีปยุโรปให้ความสนใจ และในที่สุดก็เซ็นสัญญากับ อั๊ตเลติโก มาดริด ในปี 1981 ฤดูกาลสุดท้ายที่นั่น 1984-85 เขายิงกระหน่ำจนเป็นดาวซัลโวของ ลา ลีกา หลังจากนั้น มีข่าวหลุดเรื่องที่สโมสรไปแอบตกลงขายให้กับ เรอัล มาดริด คู่ปรปักษ์ร่วมเมืองหลวง ทำให้ต้องเผชิญกับความโกรธแค้นของแฟนบอลอย่างหนัก ถึงขนาดต้องทำเป็นโอนย้ายกลับไปยัง อูนัม สโมสรเดิมใน เมฮีโก ก่อนที่จะไปแอบลงนามในสัญญากันที่ธนาคารแห่งหนึ่งใน เมฮีโก ซิตี้ บ้านเกิดของ อูโก
ตอนที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในประเทศฝรั่งเศส โม จอห์นสเติ้น (Mo Johnston) กองหน้าดาวยิงทีมชาติ สก๊อทแลนด์ จากสโมสรน้องต์ (FC Nantes) ก็เป็น 1 ในดาวยิงที่รู้สึกชื่นชอบในสัญชาติญาณการเป็นกองหน้าจอมทุ่มเท ไม่เคยปล่อยโอกาสให้ผ่านเลยไปง่ายๆ โม สร้างชื่อมาจากการเล่น 3 ฤดูกาลในช่วง 1984-87 ให้ เซ็ลติค (Celtic FC) ซึ่งมีฐานแฟนบอลเป็นพวก อายร์แลนด์ และ อายร์ริช สก๊อทส์ ที่เป็นฝ่าย โรมัน คาธอลิค ก่อนที่จะย้ายไปเล่นใน ฝรั่งเศส 2 ฤดูกาล ซึ่งดูดีขนาดประกาศว่าจะไม่กลับไปค้าแข้งใน สก๊อทแลนด์ อีกแล้ว
แต่เมื่อหมดสัญญากับ น้องต์ เขาประกาศยืนยันว่าจะกลับไปเล่นให้ เซ็ลติค และทันทีที่ทางสโมสรรู้ว่า โม ตัดสินใจเช่นนั้น จึงตัดสินใจขาย แฟร้งค์ แม็คอเว็นนี (Frank McAvennie) ดาวยิงที่ซื้อมาใช้บริการแทน แต่ในที่สุด เดือนกรกฎาคม 1989 โม ดันตกลงเซ็นสัญญากับ เรนเจอร์ส (Rangers FC) สโมสรคู่ปรปักษ์ร่วมเมืองหลวง ซึ่งแฟนบอลเป็นพวกสก๊อทหรืออายร์ริชทางเหนือที่เป็นฝ่ายโพรเท้สเทิ่นท์ คนละนิกายกันเลย อันนี้เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว แม้จะไม่มีกฎข้อบังคับเขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ตั้งแต่ยุคปี 1920 เรนเจอร์ จะไม่ต้อนรับนักเตะที่ถือศาสนาคริสต์นิกายโรมัน คาธอลิค การมาของ โม สร้างความโกรธแค้นต่อแฟนบอลทั้ง 2 ฝั่ง แฟนบอลของ เรนเจอร์ส เผาผ้าพันคอและขู่จะคืนตัวปีไปเลย แม้แต่คนจัดชุดและอุปกรณ์นักกีฬาที่เรียกว่า คิทแมน (Kitman) ยังปฏิเสธที่จะเตรียมชุดให้ด้วย ในขณะที่แฟนบอลของ เซ็ลติค ด่า โม ว่า เป็นผู้ทรยศ เปรียบเป็น ยูดาส (Judas) สาวกที่ทรยศพระเยซู
นักเตะรายล่าสุดที่ได้รับผลจากการย้ายสโมสรไปเล่นให้กับคู่ปรปักษ์ร่วมลีกคือ กรีซี่ (Grizi) อ็องตวน กรีเอ๊ซมานน์ (Antoine Griezmann) มิดฟีลด์ตัวรุกทีมชาติฝรั่งเศส แช้มพ์โลก 2018 ที่ค้าแข้งกับ อั๊ตเลติโก มาดริด มา 5 ฤดูกาล ช่วงปี 2014-19 รับใช้สโมสรรวมทุกถ้วย 320 นัด ยิงไป 159 ประตู ตกลงเซ็นสัญญากับ บารเซโลนา จนถึงปี 2024 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวโอนย้าย 120 ล้าน เอวโร แม้ว่าการย้ายออกดังกล่าวเป็นข่าวซุบซิบมานานพอสมควรแล้ว แต่เมื่อเกิดขึ้นจริง แฟนบอล ล้อส ก็อลโชเนร้อส (Los Colchoneros) ยังทำใจยอมรับไม่ได้ ความโกรธแค้นถาโถม ถูกระบายออกด้วยการแปะสติ๊กเก้อร์ของสโมสรปิดทับแผ่นหินสลักชื่อ กรีเอ๊สมานน์ ที่บริเวณลานด้านหน้า เอ๊สตาดิโอ วั่นต๋า เมโตรโปลีตาโน (Estadio Wanda Metropolitano) สนามเหย้าของ อั๊ตเลติโก เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แถมก่อนเกมเปิดฤดูกาล ลา ลีกา เพียง 1 วัน แผ่นหินดังกล่าวยังถูกละเลงด้วยสีสเปรย์พร้อมเศษอาหารอีกต่างหาก ลีกไทยยังไม่ถึงจุดนั้น ใช่มั้ยครับ
Mai 888 ภาษาไทยวิบัติมาก
21 ส.ค. 2562 เวลา 04.59 น.
sOul af ชอบการใช้ภาษาในการเขียนมากครับ อ่านยากชิบหาย
21 ส.ค. 2562 เวลา 04.38 น.
เทิด พวกกระแดะ ภาษาวิบัติ ทุเรศทุรัง
21 ส.ค. 2562 เวลา 05.13 น.
ไปเรียนภาษาไทยมาใหม่ดีไหมครับหรือไม่ก็ใช้กูเกิลตรวจก่อนก็ดีนะ
21 ส.ค. 2562 เวลา 04.55 น.
คนเขียนคงเป็นคน เจอรมาน แน่ๆเลย
21 ส.ค. 2562 เวลา 05.11 น.
ดูทั้งหมด