ลุงวัย 60 คลั่ง "ชูวิทย์" อ้างจะกระโดดลงโทลเวย์ ให้พาไปพบ "ป๋าชู" ที่บ้าน เผยชื่นชอบการเปิดโปงทุนจีนสีเทา ด้าน "ชูวิทย์"ยันสู้เต็มที่ขอให้ติดตามผ่านสื่อแต่อย่าทำแบบนี้อีก
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 5 ม.ค. 2566 พ.ต.อ.มารุต สุดหนองบัว ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ได้รับแจ้งว่ามีประชาชนจะกระโดด จากบริเวณสะพานโทลเวย์ หน้าศูนย์การค้าไอทีสแควร์ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.พัฒทยา วงศ์วานิช รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.จาตุรงค์ ติดนนท์ สว.สส. พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวนสน.ทุ่งสองห้อง และเจ้าหน้าที่สายตรวจ 191 และปฏิบัติการพิเศษ รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบชายสูงอายุ อายุประมาณ 60 ปี ทราบชื่อภายหลังคือนายพรชัย ด้วงแดงโชติ อายุ 60 ปี หรือลุงเปี๊ยก ลักษณะนั่งห้อยขาอยู่บริเวณขอบสะพาน ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงยีนส์ สวมพระเครื่องเต็มคอ ทำทีจะกระโดดลงจากสะพานเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการพูดคุย ทางลุงเปี๊ยกไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ และร้องขออยากพบสื่อมวลชน ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้ทำการเจรจากับลุงเปี๊ยกโดยลุงเปี๊ยกได้ตะโกนบอกกับไม่พอใจเรื่องการจัดการกับกลุ่มทุนจีนสีเทา พร้อมกลับกล่าวขื่นชมนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เนื่องจากนายชูวิทย์กล้าออกมาเปิดโปงเรื่องนายทุนจีนสีเทา ถ้ามีโอกาสอยากจะกราบขอบคุณนายชูวิทย์ที่ทำเพื่อบ้านเมือง
นายเปี๊ยกทำท่าจะหันตัวโดดลงไปหลังสูบบุหรี่มวนสุดท้ายเสร็จ ผู้สื่อข่าวจึงเสนอที่จะต่อสายโทรศัพท์ไปหานายชูวิทย์ ลุงเปี๊ยกจึงมีท่าทีอ่อนลง พร้อมกับติดต่อนายชูวิทย์ให้ช่วยเจรจาทางโทรศัพท์ ผ่านการเปิดสปีกเกอร์โฟน
ภายหลังจากที่ลุงเปี๊ยกได้พูดคุยกับนายชูวิทย์เริ่มมีท่าทียอมเจรจากับผู้สื่อข่าว โดยทางผู้สื่อข่าวจึงบอกกับทางลุงเปี๊ยกว่าจะพาไปพบนายชูวิทย์ที่โรงแรมเดอะ เดวิส ซอยสุขุมวิท 24 โดยนายชูวิทย์ยินดีให้เข้าไปพบเจอทันที ทำให้ลุงเปี๊ยกยอมสงบสติอารมณ์และลงมาจากบริเวณราวสะพานเพื่อที่จะให้พาไปพบกับนายชูวิทย์ พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขึ้นรถของผู้สื่อข่าวเข้าไปพบกับนายชูวิทย์ที่บ้าน
ต่อมาเวลา 22.10 น. ผู้สื่อข่าวได้นำลุงเปี๊ยกไปพบนายชูวิทย์ที่โรงแรม เดอะ เดวิส ซอยสุขุมวิท 24 ทันทีที่พบนายชูวิทย์ ลุงเปี๊ยกได้ก้มลงกราบขอบพระคุณและมีความปลื้มปิติที่ได้เจอนายชูวิทย์ตัวจริง พร้อมกับแสดงความชื่นชมในความกล้าหาญของนายชูวิทย์ที่ออกมาต่อสู้กับเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทาโดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลจากฝ่ายใด แล้วบอกว่าการที่ออกมาก่อเหตุแบบนี้ ไม่ได้การต้องการสร้างกระแส แต่ต้องการออกมาต่อสู้เรียกร้องเหมือนกับนายชูวิทย์ทำและไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเองแต่อยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคม
ขณะที่นายชูวิทย์ได้เข้าไปสวมกอดและบอกกับลุงเปี๊ยกว่า อย่าก่อเหตุลักษณะเช่นนี้อีกพร้อมทั้งยืนยันกับลุงเปี๊ยกว่า ตนสู้เต็มที่ ถ้ามันสุดแค่ไหนก็ทำเต็มที่เท่านั้น และถ้าอยากเป็นกำลังใจขอให้คอยติดตามข่าวสารที่ตนนำเสนอต่อสื่อมวลชน โดยนายชูวิทย์ได้ติดต่อขอเบอร์ติดต่อลุงเปี๊ยกไว้เพื่อจะร่วมบริจาคโลงศพที่ลุงเปี๊ยกทำมาเป็นประจำด้วย แต่ขอให้ลุงเปี๊ยกรับปากว่าจะไม่ก่อเหตุอีก จากนั้นทั้งสองได้ถ่ายรูปร่วมกันก่อนที่ชุดสืบสวน สน.ทุ่งสองห้องจะนำตัวลุงเปี๊ยกกลับไปยังบ้านพักตามปกติ