นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH ผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป อาทิ ผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กว่า 99 ปีในวงการอาหาร พิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการปรับตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเริ่มต้นจากธุรกิจน้ำปลาซึ่งเป็นสินค้าที่ชาวจีนเชี่ยวชาญ ก่อนจะขยายธุรกิจไปสู่การผลิตปลากระป๋องรายแรกๆ ของประเทศไทย ตามด้วยการผลิตผลไม้กระป๋อง และผลไม้อบแห้งเพื่อสร้างกำไรให้เพิ่มขึ้น แม้ว่าตลาดผลไม้อบแห้งจะมีการแข่งขันสูงขึ้น แต่บริษัทก็ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสินค้า โดยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง ด้วยการแปรรูปเป็นขนมเพื่อสุขภาพ
“ภาพรวมตลาดผลไม้อบแห้งในประเทศไทยมีปริมาณการส่งออกโดยรวมลดลง เนื่องจากประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของไทยอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรงขึ้น”
อย่างไรก็ดีในปีนี้บริษัทคาดว่ายังคงมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการบริโภคอาหารแปรรูปทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศโซนยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงที่ช่วยให้บริษัทมียอดขายและเติบโตขึ้น
ขณะที่แผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทมุ่งเจาะตลาดประเทศไทยมากขึ้น โดยปัจจุบันฐานลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 70%เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น และ อีก 30% เป็นคนไทย
บริษัทตั้งเป้าหมายภายในปี 2569จะขยายฐานลูกค้าคนไทยเพิ่มเป็น 50% เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพายอดขายจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียงอย่างเดียวส่วนแผนระยะยาวมีแผนจะตั้งโรงงานใหม่ใกล้กับประเทศไทย จากปัจจุบันที่มีโรงงานอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานในไทย 1 แห่ง ที่ จ. สมุทรสาคร
มีกำลังการผลิตปลากระป๋อง 300 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อปี และใช้พื้นที่ไปแล้ว 50% และผลไม้อบแห้ง มีกำลังการผลิต 10,000 ถุงต่อปี และใช้พื้นที่ไปแล้ว 70% และโรงงานในกัมพูชา 1 แห่ง สำหรับผลิตผลไม้อบแห้ง มีกำลังการผลิต 2,000 ถุงต่อปี ใช้พื้นที่ไปแล้ว 80%
ล่าสุดบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แก่ มะม่วงอบกรอบคลุกน้ำปลาหวาน มะม่วงอบกรอบคลุกพริกเกลือ ฝรั่งอบกรอบคลุกน้ำปลาหวาน และ ฝรั่งอบกรอบคลุกพริกเกลือภายใต้แบรนด์ Bangkok Tasty by Chin Huay โดยวางจำหน่ายที่ไอคอนสยาม และเตรียมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้หลากหลายขึ้น ทั่วประเทศหลังไตรมาส 1 ปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 50%
สำหรับกลยุทธ์การตลาดบริษัทมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีวางจำหน่ายในบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 8 สาขา , เซเว่น อีเลฟเว่น 50 สาขา , โลตัส 34 สาขา , กูร์เมต์ มาร์เก็ต 4 สาขา และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ รวมถึงโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก, TikTok Shop และ Line Shop เพื่อให้กลุ่มลูกค้าในประเทศสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้บริษัทมีแผนออกบูธงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ อาทิ จีน ตะวันออกกลาง ยุโรปเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าในการส่งออกแบรนด์ไปในหลากหลายประเทศ รวมถึงการพบปะกับตัวแทนจำหน่าย และผู้นำเข้าประเทศต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,769.67 ล้านบาท กำไรสุทธิ 106.72 ล้านบาท เติบโต 94.57% และคาดว่าจะมีรายได้ในปีนี้รวมกว่า 1,900 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากผลไม้อบแห้ง 90% ปลากระป๋อง 9% และ ขนมเพื่อสุขภาพ 1% ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5-10% ต่อปี
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,055 วันที่ 22 - 25 ธันวาคม พ.ศ. 2567