ทั่วไป

จำคุก 10 ปี "เนย" อดีตลูกศิษย์ "สมเด็จพระวันรัต" สั่งให้คืนเงินวัด 80.1 ล้าน

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์
อัพเดต 28 ก.พ. 2566 เวลา 10.57 น. • เผยแพร่ 28 ก.พ. 2566 เวลา 17.33 น.

คืบหน้าล่าสุดจากกรณี"เนย" อดีตศิษย์คนสนิท"สมเด็จพระวันรัต" ฉ้อโกงเงินวัด 80 ล้านบาท โดยวันที่ 28 ก.พ.66 ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปี "เนย" อดีตไวยาวัจกร ลูกศิษย์คนสนิทสมเด็จพระวันรัต ฉ้อโกงปลอมแปลงเอกสาร อมเงินวัดวชิรธรรม พร้อมสั่งให้ชดใช้เงินคืนวัด 80.1 ล้านบาทและดอกเบี้ย โดย เนชั่นออนไลน์ มีรายงานว่า

จำคุก 10 ปี เนย อดีตลูกศิษย์คนสนิท สมเด็จพระวันรัต สั่งให้คืนเงินวัด 80 ล้าน
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ศาลอาญา มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการและรักษาการเจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม เป็นโจทก์ฟ้อง นายอภิรัตน์ ชยางกูล ณ อยุธยา ลูกศิษย์คนสนิทใกล้ชิดกับสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ พบพฤติกรรมการก่อเหตุลักทรัพย์เกิดขึ้นในช่วงที่สมเด็จพระวันรัต อาพาธ จนกระทั่งละสังขาร

จำคุก 10 ปี เนย อดีตลูกศิษย์คนสนิท สมเด็จพระวันรัต สั่งให้คืนเงินวัด 80 ล้าน

"เนย"นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา อดีตลูกศิษย์คนสนิทสมเด็จพระวันรัต และเคยเป็นไวยาวัจกร ได้อาศัยช่วงที่สมเด็จพระวันรัต อาพาต รักษาตัวโรคมะเร็งอยู่โรงพยาบาล ปลอมแปลงเอกสารลายเซ็น และการทำธุรกรรมอื่นๆ โยกย้ายทรัพย์สินไปเป็นของตัวเองเป็นจำนวนมาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง จะสามารถติดตามจับกุมตัวนายอภิรัตน์ ที่คอนโดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เดิม สมเด็จพระวันรัตเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวร และรักษาการเจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม อาพาธรักษาตัวที่โรงพยาบาลระหว่างปี 2564-2565 ทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้จัดส่งเงินจำนวน 78.5 ล้านบาท เข้าบัญชีวัดวชิรธรรม เพื่อใช้จ่ายในการก่อสร้างวัดวชิรธรรมาราม (โครงการสร้างถวายในหลวงภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ร.9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินินาถ) และโครงการอื่นๆ มีพระวันรัตเป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินเพียงผู้เดียว ในหลายบัญชี

จำเลยเป็นศิษย์คนสนิท รู้ว่าเงินไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของพระวันรัตแต่เป็นของวัดวชิรธรรม ได้ออกอุบายหลอกพระวันรัตให้ลงลายมือชื่อเบิกถอนเงินหลายครั้ง เพื่อไปเบิกถอนเงินจากธนาคาร แล้วนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาสอบถามพระวันรัต ก็ไม่ได้รับสาย เพราะจำเลยให้ปิดเสียง ซึ่งจำเลยได้โอนเงินจำนวน 50 ล้านบาทเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง

จากนั้นจำเลยได้นำเงินที่หลอกลวงมาไปซื้อ รถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ลีย์ และรถหรูราคาแพง มีการจองและสั่งซื้อเลขป้ายทะเบียนสวย กระเป๋าราคาแพง อัญมณี ชำระหนี้บัตรเครดิต รวมทั้งหมด 324 รายการ ต่อมาพระวันรัตได้ทราบเกี่ยวการโอนเงินวัดเข้าบัญชีจำเลย จึงสอบถามจำเลย ซึ่งจำเลยตอบว่าโอนเงินผิด พระวันรัตจึงตำหนิจำเลย แล้วบอกให้โอนเงินกลับคืนมาให้เรียบร้อย แต่จำเลยไม่โอน ทั้งนี้จำเลยมีการกระทำในลักษณะเดียวกันนี้ต่อวัดบวร, วัดรัตนวราราม ในหลายบัญชี จึงขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและให้คืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฉ้อโกงหลอกลวงสมเด็จพระวันรัต โดยปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอม โดยเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 จำเลยได้ถอนเงินจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารหลงเชื่อว่าใบถอนเงินดังกล่าวเป็นเอกสารฉบับจริง หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 จำเลยยังได้โอนเงินจำนวน 30 ล้านบาทเศษ เข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลย โดยฝ่าฝืนไม่ได้รับความยินยอมจากสมเด็จพระวันรัต

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อาญามาตรา 265 และ 268 วรรคแรก ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม จำนวน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมโทษจำคุก 10 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ แก่วัดวชิรธรรม

ดูข่าวต้นฉบับ