บางชิ้นกำไรหลายร้อยเปอร์เซ็นต์! สำรวจแหล่งสร้างอาชีพ โกดังสินค้าญี่ปุ่นมือสองเจ้าดัง
จากพฤติกรรรม การ “บริโภค” ของพลเมืองประเทศญี่ปุ่น ที่มักใช้ของทุกอย่าง “ไม่นาน” อย่าง รถยนต์ อายุการใช้งาน 5 ปีทิ้งเลย นอกจากนี้ ยังชอบอิงแฟชั่น ถ้าสินค้าแฟชั่นแบบไหน “เอาต์” แล้ว จะเปลี่ยนใหม่ทันที และเมื่อคนญี่ปุ่นมีนิสัย “ชอบเปลี่ยน” บรรดาของเก่าใช้แล้วทั้งหลาย จึงถูกกำจัดด้วย 2 วิธี คือ หนึ่ง ของชิ้นเล็ก มีราคา จะถูกนำไปจำหน่ายต่อให้คนรับซื้อของเก่า และ สอง ของประเภทที่ขายต่อไม่ได้ ชิ้นใหญ่เกินไป อย่างเฟอร์นิเจอร์ จะถูกนำไปจ้างบริษัทรับกำจัดขยะนำไปทิ้งให้ เพราะคนญี่ปุ่น ไม่สามารถนำของที่ไม่อยากได้แล้ว ไปวางทิ้งหน้าบ้านหรือแอบทิ้งข้างถนนเหมือนเมืองไทย
ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น จึงก่อให้เกิดการเติบโตของธุรกิจส่งออกสินค้ามือสองของชาวญี่ปุ่น ไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
“ตู้ขยะ เป็นคำน่ากลัวของคนอยากทำธุรกิจนี้ บางคนลงทุนไปหลายแสนด้วยเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต กลับได้แต่สินค้าที่ขายต่อไม่ได้ การเน้นซื้อมาแบบราคาถูกอย่างเดียว เป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนธุรกิจนี้พึงระวัง ฉะนั้นต้องเน้นการคัดเลือกของที่ถูกส่งมานั้น ต้องเป็นของที่ยังใช้ได้สภาพดี 80-90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นประเภทของใช้ในบ้าน พวกถ้วย-จาน-ชาม ของแต่งบ้าน ของเล่น เฟอร์นิเจอร์ กระเป๋า รองเท้า ที่มีสภาพดี” คุณไผ่-ชาคริต ภูษิต เจ้าของธุรกิจขายปลีก-ส่ง สินค้าญี่ปุ่นมือสอง แบรนด์ “เนโกะ” เคยให้ข้อมูลไว้อย่างนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : แนะเทคนิคละเอียด ก่อนตัดสินใจลงทุน “ธุรกิจสินค้าญี่ปุ่นมือสอง”
ตัดกลับมาที่สถานการณ์ธุรกิจสินค้าญี่ปุ่นมือสอง ในบ้านเรา ณ เวลานี้ ว่ากันว่ามีความ “คึกคัก” กันพอสมควร ดังจะเห็นได้จาก มีการเปิด “โกดัง” จำหน่ายกันในหลายทำเล นอกจากนั้นยังมีร้านขนาดย่อมกระจายอยู่ตามชุมชนต่างๆ
ได้ข้อมูลมาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจสงสัยของใช้มือสอง จะดีกว่า “มือหนึ่ง” ได้ยังไง คุณไผ่ ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการ เคยแจงประเด็นนี้ให้ฟังไว้ว่า ของมือสองบางชิ้นกำไรหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ หรืออย่างต่ำ 30-50 เปอร์เซ็นต์ บางชิ้นซื้อมาร้อยขายได้พัน เพราะของมือสองไม่มีราคาตายตัว ราคาจึงขึ้นกับความต้องการของลูกค้า
“ตุ๊กตาญี่ปุ่น หลายคนให้ฟรีไม่เอา แต่สำหรับบางคนเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น อยากได้ไปแต่งร้าน แต่ของใหม่แพงมาก ตัวหนึ่งเป็นพัน พอเห็นเราขายร้อยเดียว รีบคว้าเลย” คุณไผ่ เผย
ล่าสุด “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” มีโอกาสไปสำรวจโกดังสินค้าญี่ปุ่นมือสอง ที่มีเสียงบอกกันมา “ปากต่อปาก” ว่ามีสินค้าน่าสนใจละลานตา พวกผู้ค้ารายย่อยนิยมพากันมาเลือกของไปจำหน่ายต่อ หรือแม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ยังมาหาซื้อของกันไม่น้อย
สำหรับโกดังเจ้านี้ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 ถ้าเข้ามาจากปากซอย ถนนลาดพร้าว วิ่งรถเข้ามาไม่เท่าไหร่ให้มองทางฝั่งขวามือ โกดังจะอยู่ติดกับปั๊มบางจาก เลี้ยวรถเข้าไป มีลานดินกลางแจ้งพื้นที่กว้างขวางจอดรถได้นับสิบคัน
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน ใครที่ไม่เคยสัมผัสโกดังสินค้ามือสอง รับรองต้องตะลึงกับ “กองสินค้า” นานาชนิด แทบบรรยายได้ไม่หมด มีตั้งแต่ ตู้เก็บของ โต๊ะทำงาน นาฬิกาตั้งพื้น กีตาร์ รถเข็นเด็ก ถ้วย จาน ชาม เสื้อผ้า ของเล่น และอีกสารพัด
ส่วนรูปแบบการซื้อขายในโกดังแห่งนี้ เมื่อเลือกสินค้าอะไรก็ตามแต่ต้องการได้แล้ว ให้ยกมา “ชั่งน้ำหนัก” ที่โต๊ะตรงประตูทางเข้าโกดัง เมื่อเจ้าหน้าที่โกดังนำสินค้าเหล่านั้นขึ้นชั่งแล้วจึงแจ้งราคารวมให้ลูกค้าทราบ ซึ่งราคาซื้อขายสินค้าทุกประเภท ล่าสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท แต่ถ้าเป็นของชิ้นใหญ่ เช่น นาฬิกาตั้งพื้น ตู้ไม้ จะมีราคาต่อชิ้นติดไว้
ครั้นตกลงราคากันได้แล้ว เจ้าหน้าที่โกดัง จะ “ตบกระดิ่ง” เรียกพนักงานมาเอากระดาษหนังสือพิมพ์มาทำการห่อสินค้าให้ทุกชิ้น
โกดังสินค้าญี่ปุ่นมือสอง “เจแปน ไลฟ์ เซ็นเตอร์” สาขาซอยลาดพร้าว 101 ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ เปิดสิบโมงเช้าถึงสองทุ่ม ทุกวัน