ไลฟ์สไตล์

จริงหรือไม่? กิน 'ช็อกโกแลต' ทำให้เป็นสิว กินแบบไหนถึงจะพอดี

MATICHON ONLINE
อัพเดต 08 ส.ค. 2563 เวลา 07.46 น. • เผยแพร่ 08 ส.ค. 2563 เวลา 23.00 น.

จริงหรือไม่? กิน ‘ช็อกโกแลต’ ทำให้เป็นสิว กินแบบไหนถึงจะพอดี

เชื่อว่า ช็อกโกแลต เป็นของโปรดของใครๆ หลายคน เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องดื่มแล้ว ยังถูกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อร่อยๆ ที่หลากหลาย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ซึ่งในกลุ่มคนรักช็อกโกแลตก็มักจะได้ยินบ่อยๆ หรือมีหลายคนเตือนว่า “กินช็อกโกแลตระวังเป็นสิว”
กับเรื่องนี้ มีข้อเท็จจริงอย่างไร?

สำนักโภชนาการ กรมอนามัย ให้สัมภาษณ์กับ มติชนออนไลน์ ในบทความ “กินช็อกโกแลตทำให้เป็นสิวจริงหรือไม่” ว่า

การกิน dark chocolate ไม่ทำให้เกิดสิว ในขณะที่การกิน white chocolate ที่โดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของโกโก้เพียง 20% ในขณะที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมถึง 55 % จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น อาจเนื่องมาจาก white chocolate มีส่วนผสมของน้ำตาลและนมมากกว่า เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณมาก จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทำให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้น เกิดภาวะอินซูลินในเลือดสูง (Hyperinsulinemia) กระตุ้นให้ร่างกายผลิตสาร “ไอจีเอฟ-1” (IGF-1, insulin-like growth factor-1) เพิ่มขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ซึ่งสารไอจีเอฟ-1 นี้เอง ที่ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วขึ้นและหนาตัวขึ้น ทำให้รูขุมขนแคบลงเกิดการอุดตันได้ง่ายจึงเป็นสิวง่าย

นอกจากนั้น การดื่มนมหรือกินอาหารที่มีนมเป็นส่วนประกอบมากเกินไป ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวเนื่องจากนมไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสาร ไอจีเอฟ-1 ได้ เช่นกัน

แล้วกินช็อกโกแลตอย่างไรจึงจะเหมาะสมต่อร่างกาย ?

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สำนักโภชนาการ แนะนำไว้ 5 ข้อ ดังนี้

1. เลือกกินช็อกโกแลตที่มีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้สูงๆ ปริมาณ 70% ขึ้นไปได้ยิ่งดี หรือเลือกกิน dark chocolate จะดีกว่า milk หรือ white chocolate

2. ไม่กินช็อกโกแลตคู่กับขนมหรือของหวานอย่างอื่น เช่น ไม่กินคู่กับไอศกรีม เค้ก คุกกี้ วาฟเฟิล ฯลฯ เพราะจะทำให้ได้รับพลังงานทั้งจากขนมและจากตัวช็อกโกแลตเอง อาจทำให้ได้รับพลังงานที่สูงเกินไป และทำให้อ้วนได้

3. ควรเลือกกินช็อกโกแลตร่วมกับเครื่องดื่มรสไม่หวาน เช่น ชาไม่ใส่นม และไม่เติมน้ำตาลหรือน้ำสมุนไพรไม่ใส่น้ำตาล

4. กินช็อกโกแลตช้าๆ ค่อยๆ ให้ละลายในปาก จะช่วยให้ได้รับรสชาติของช็อกโกแลตมากกว่า และจะส่งผลต่อความรู้สึก มีผลให้สมองรับรู้ความสุข แม้ว่าจะกินในปริมาณน้อย แต่หากเคี้ยวและกลืนอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิในร่างกายจะสูงกว่าจุดละลายของช็อกโกแลตทำให้ไม่ได้รับรสชาติของช็อคโกแลตเท่าที่ควร สมองยังไม่รับรู้ถึงความสุข จึงต้องการช็อกโกแลตในปริมาณมากขึ้นอีก ทำให้ได้รับพลังงานสูงเกิน

5. เลือกกินช็อกโกแลตที่มีขนาดชิ้นเล็กๆ ในแต่ละคำแทนที่จะเลือกชิ้นที่มีขนาดใหญ่

กล่าวโดยสรุปคือให้เลือกกิน dark chocolate และกินคำเล็กๆ เคี้ยวช้าๆ เป็นอาหารว่างโดยไม่กินร่วมกับขนมหวานชนิดอื่น จะทำให้ไม่อ้วน และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ดูข่าวต้นฉบับ