มนุษย์กินคนอาจเป็นประเภทของตัวละครในหนังสยองขวัญที่เราต่างก็ภาวนาอย่าให้ได้พานพบเจอในชีวิตจริง แต่ย้อนกลับไปในปีค.ศ.1981 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ชาวเมืองไม่มีใครล่วงรู้ว่าท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่บนถนนจะมี "มนุษย์กินคน" ตัวจริงเสียงจริงซ่อนตัวภายใต้ลุคของนักเรียนชาวญี่ปุ่นธรรมดา ๆ อยู่ และจากคดีฆาตกรรมที่เขาก่อเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เรื่องราวของซางาวะกลายเป็นตำนานที่เลื่องลือระดับโลกไปเลย
"อิซเซ ซางาวะ" เกิดและโตในเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เขาลืมตาดูโลกก่อนกำหนดคลอด ทำให้ร่างกายของเขาเกิดมาพร้อมความผิดปกติทั้งขนาดลำตัวที่เล็กเท่าฝ่ามือของคุณพ่อ หรือโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารที่ทำให้ซางาวะเติบโตมาด้วยวิธีการรักษาทางการแพทย์ตั้งแต่เด็ก โชคดีที่ครอบครัวของเขามีฐานะที่ดีพอตัว ทำให้ซางาวะได้ร่ำเรียนตามความสนใจในด้านวรรณกรรมจนจบขั้นปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยวาโกะในโตเกียวและถูกส่งไปเรียนต่อในขั้นปริญญาเอกที่ปารีส
ความหลงใหลใน "เนื้อคน" ปรากฏกับเขาครั้งแรกตอนที่ซางาวะอยู่ชั้นประถมศึกษา เขาบอกในสัมภาษณ์กับ Vice ว่าเขาสงสัยถึงรสชาติและเท็กซ์เจอร์ของเนื้อมนุษย์หลังจากที่ได้เห็นต้นขาของเพื่อนร่วมชั้นเพศชาย และต่อมาก็สนใจในเรือนร่างของผู้หญิงด้วย
ซางาวะก่อเหตุครั้งแรกเมื่อเขามีอายุเพียง 24 ปี ซางาวะตามรอยหญิงชาวเยอรมันกลับบ้าน แอบบุกเข้าไปในห้องนอนของเธอระหว่างที่หญิงคนนั้นกำลังหลับใหลและพยายามเฉือนเนื้อส่วนบั้นท้ายของเธอเพื่อมาชิม แต่เหยื่อรู้ตัวเสียก่อนจึงทำให้เขาถูกจับกุมด้วยข้อหาพยายามข่มขืน แต่ด้วยความที่ครอบครัวของซางาวะเป็นผู้มีหน้ามีตาในสังคม เขาเลยรอดพ้นจากโทษนี้ไปได้และเจตนาที่แท้จริงของการจู่โจมหญิงสาวในครั้งนั้นก็ถูกเก็บเงียบเอาไว้
ความพยายามที่จะลิ้มลองเนื้อมนุษย์เกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1981 ซางาวะหลอกล่อ เรเน่ ฮาร์ทเวลต์ เพื่อนร่วมคลาสชาวดัตช์ มาอ่านหนังสือและทำการบ้านที่ห้องพักของเขา เขาเลือกเธอเป็นเหยื่อด้วยความตั้งใจ เพราะเรเน่สวย ตัวสูง ผิวขาวเนียน คุณสมบัติทุกประการที่เธอมีแต่เขาด้อย
ระหว่างที่เธอกำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านบทกลอนอยู่นั้น ซางาวะก็หยิบปืนไรเฟิลยิงเข้าที่ท้ายทอยของเธอ เรเน่เสียชีวิตแทบจะในทันที ส่วนซางาวะเป็นลมหมดสติไปชั่วครู่ด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา ปีศาจในตัวเขาก็เริ่มทำงาน
ซางาวะพยายามกัดกินร่างไร้ชีวิตของเรเน่ แต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ เขาจึงเดินไปที่ร้านขายเครื่องครัวเพื่อซื้อมีดหั่นเนื้อกลับมาจัดการกับส่วนต่าง ๆ ของเรเน่ บางส่วนถูกบริโภคไปในทันที ส่วนที่เหลือ เขาหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วเก็บใส่ตู้เย็นเอาไว้สำหรับมื้อต่อ ๆ ไป และเศษของหลักฐานชิ้นอื่น ๆ ทั้งหมดก็ถูกบรรจุไว้ในกระเป๋าเดินทางสองใบที่ซางาวะนำไปโยนทิ้งในทะเลสาบ Bois de Boulogne ในภายหลัง
ตำรวจปารีสได้รับแจ้งเกี่ยวกับกระเป๋าน่าสงสัยทั้งสองลอยมาเกยตื้นอยู่ที่ริมฝั่งทะเลสาบและสามารถสาวถึงตัวซางาวะได้ภายใน 4 วัน แต่ด้วยความที่ครอบครัวของซางาวะสามารถว่าจ้างทนายความที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในปารีสได้ ศาลจึงตัดสินให้เขาเป็นบุคคลวิกลจริตและส่งตัวไปเพื่อบำบัดรักษาในโรงพยาบาลจิตเวช
คดีความของเขากลายเป็นที่พูดถึงทั่วโลก มีนักเขียนชาวญี่ปุ่นเดินทางมาถึงฝรั่งเศสเพื่อเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวการเป็นมนุษย์กินคนของเขา ซางาวะกลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงจนทางการฝรั่งเศสตัดสินใจส่งตัวเขากลับไปยังประเทศญี่ปุ่น ที่ ๆ เขาถูกวินิจฉัยอีกครั้งให้เป็นบุคคลสมประกอบที่มีแค่แรงจูงใจทางเพศเป็นต้นเหตุของการก่อคดี
วันที่ 12 สิงหาคม 1986 ซางาวะเช็กเอาต์จากโรงพยาบาลมัตสึซาวะและได้รับอิสรภาพอีกครั้งท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความหวาดกลัวของชาวโตเกียว ถึงอย่างไรก็ตาม เขาถูกรับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรและคอมเมนเทเตอร์ตามเวทีเสวนาต่าง ๆ มีคอลัมน์รีวิวร้านอาหารเป็นของตัวเองประจำนิตยสารที่ชื่อว่า Spa เขียนหนังสืออัตชีวประวัติแถมได้ร่วมแสดงในหนังอินดี้ซะด้วย
จากฆาตกรใจเหี้ยมสู่การขึ้นแท่นเป็นเซเลบริตี้ที่ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย ทำให้เรื่องราวของอิซเซ ซางาวะ ยังคงถูกพูดถึงอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอด 39 ปีที่ผ่านมา และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกได้จารึกชื่อของเขาเอาไว้ในฐานะของมนุษย์กินคนผู้ซึ่งรอดพ้นจากข้อกล่าวหาทางกฎหมายทุกประการไปเสียแล้ว…
อ้างอิง
J รวย จบไหม
27 ต.ค. 2563 เวลา 21.15 น.
killpop คนผิดดันพ้นผิดได้เฉย ทั้งที่ผิดเห็นๆ มันเป็นกันทั่วโลก
27 ต.ค. 2563 เวลา 23.27 น.
.~★☆ PikaPiPi ☆★~. คนกินคน ว่าวิกลจริตแล้ว
แต่ ■ สังคมวิกลจริต ■ ยิ่งกว่า
ที่ให้ค่า และเปิดรับคนวิกลจริต
ให้ลอยหน้าอยู่ในสังคม?!?
👎👎👎
28 ต.ค. 2563 เวลา 06.42 น.
B อ้างว่าบ้าแล้วรอดคุก เหมือนประเทศแถบอาเซียนเลย
27 ต.ค. 2563 เวลา 23.55 น.
Kan คนญี่ปุ่นบ้าๆมีเยอะ
ไร้ซึ่งศาสนา
ขาดความยับยั้งชั่งใจ
28 ต.ค. 2563 เวลา 01.45 น.
ดูทั้งหมด