เรารู้ตัวเองมาสักพักแล้ว
ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้สัมผัสกับน้ำ หรืออยู่ท่ามกลางน้ำ
หลายๆ อย่างในตัวเราจะดีขึ้น
- ตื่นเช้ามา สิ่งแรกที่ทำคือดื่มน้ำสองแก้ว เราถึงจะพร้อมเริ่มวันในแต่ละวัน
- เวลาคิดงานไม่ออก เรามักจะไปอาบน้ำ หลายครั้งความคิดที่ติดอยู่มันก็ลื่นไหลขึ้นมา
- คำพูดดีๆ ที่เราเอาใส่ในงานเขียนได้ มักปิ๊งขึ้นมาตอนเรากำลังล้างจาน
- การนั่งริมสระน้ำ หรือริมทะเล เป็นช่วงเวลาที่เราสงบจิตสงบใจได้ดีที่สุด
หลายคนที่หลงรักธรรมชาติ
จะรู้สึกเพิ่มพลังตัวเองขึ้นมาได้ เมื่อได้ยืนกอดต้นไม้ต้นใหญ่
รู้สึกกระปรี้กระเปร่าทั้งตัวและใจ เวลาได้ปืนเขาสูงๆ หรือนั่งมองวิวภูเขา
แต่สำหรับเรา อะไรที่เป็นสีเขียว
ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ หรือภูเขาทึบๆ
มักทำให้เราเกิดอาการเหงาแปลกๆ
สิ่งที่ทำให้เราสงบจิตใจจนใสแจ๋วได้ ต้องเป็น ‘น้ำ’ เท่านั้น
ทุกคนน่าจะเคยรู้จากบทความสุขภาพต่างๆ มาแล้ว
ว่าดื่มน้ำเยอะๆ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ร่างกายสดชื่น
แต่จริงๆ แล้ว ขุมทรัพย์ที่เรียกว่า ‘น้ำ’ นั้น
คอยช่วยเหลือเราในทางสุขภาพจิตใจได้เยี่ยมเช่นกัน
เริ่มกันที่ Dehydration หรือภาวะขาดน้ำ (เมื่อน้ำที่ออกจากร่างกาย มันมีมากกว่าน้ำที่อยู่ในร่างกาย) กันก่อน
เมื่อเราขาดน้ำมากๆ จะส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์ของเราที่แปรปรวน, ทำให้เราโฟกัสกับหลายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ยากขึ้น
นั่นเป็นเพราะ นอกจากร่างกายเราจะเต็มไปด้วยน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงแล้ว
ส่วนของหัวใจ และสมอง นี่เอง ที่ประกอบไปด้วยน้ำมากที่สุดในร่างกายทุกส่วนของเรา
หากไม่ใส่ใจดื่มน้ำให้มากพอ มันเลยกระทบอย่างจังกับทั้งระบบของร่างกาย และจิตใจ
และเนื่องจาก อาการเกี่ยวกับสุขภาพจิตทั้งหลาย มันเกิดขึ้นที่สมอง
การดื่มน้ำไม่พอ ยังมีผลต่ออาการซึมเศร้าและวิตกกังวลของเราด้วย
- เมื่อสมองมีน้ำไปหล่อเลี้ยงไม่พอ พลังงานที่มีอยู่ในสมองก็ถูกดูดออกไป สมองจึงไม่สามารถช่วยจัดการอารมณ์ของเราได้ดีพอ
- เมื่อสมองมีน้ำไปหล่อเลี้ยงไม่พอ จะไปกีดขวางการทำงานของเซโรโทนิน สารที่ช่วยให้เรามีความสุข!
- เมื่อสมองมีน้ำไปหล่อเลี้ยงไม่พอ ระดับความเครียดในร่างกายก็จะพุ่งสูงขึ้น…
อีกทั้ง เมื่อไหร่ที่ร่างกายเกิดการขาดน้ำ เราอาจเริ่มรู้สึกวิตกกังวล และประหม่าในการใช้ชีวิตมากเป็นพิเศษ จากอาการทั้งหลายที่ไปกระตุ้นความวิตกของเราไม่ว่าจะเป็น
- หัวใจที่เต้นแรงขึ้น
- ปวดหัว
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง อ่อนล้า
- มีความรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
ส่วนสัญญาณง่ายๆ ของอาการขาดน้ำก็คือ… เมื่อเรารู้สึกเริ่มกระหายน้ำแล้วนั่นเอง!
(หลายคนใช้ชีวิตทุกวันอย่างรีบเร่ง โดยไม่ทันสังเกตตัวเองเลยว่าหิวน้ำบ้างรึเปล่า)
แค่เรานั่งมองน้ำ มันทำให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นยังไงนะ??
นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า สีฟ้า เป็นสีที่มีความผูกพันกับความเย็นและสงบในคลื่นสมองมานานแล้ว การที่เรานั่งจ้องทะเลหรือมหาสมุทรไปเรื่อยๆ จะค่อยๆ เปลี่ยนคลื่นสมองของเราเข้าสู่โหมดที่คนมักเรียกว่า ‘การปฏิบัติธรรม’ (Meditative State) นิ่งๆ ดูลมหายใจ ใจเย็นและผ่อนคลาย
นักชีววิทยาทางทะเลที่ชื่อวัลเลซ นิโคลส์ ได้เขียนไว้ในหนังสือของเขา ที่พูดถึงปรากฏการณ์ Blue Mind หรือพลังของการอยู่กับน้ำ เหมือนได้รางวัลโดยตรงทางจิตใจ
เขาเล่าว่า แค่การอยู่ใกล้ๆ พื้นที่ๆ มีน้ำ
สามารถช่วยลดความเครียด, วิตกกังวล, เพิ่มระดับความสุข, หัวใจค่อยๆ เต้นเบาลง ทำให้เรารู้สึกสงบในใจมากขึ้น
หลักฐานมันอยู่ในกรรมพันธุ์ของเราย้อนไปเมื่อหลายพันปีที่แล้ว
ช่วงที่บรรพบุรุษของเราต้องย้ายถิ่นฐานบ่อย เพื่อหาแหล่งน้ำที่ใหญ่พอ
และนั่นสำคัญสุดขีด เพราะหมายถึงความเป็นและความตาย
จากรุ่นสู่รุ่น พวกเขาก็ใช้ชีวิตแต่ละวันโดยการตั้งใจมุ่งหน้าสู่แหล่งน้ำใหม่
เพื่อความอุดมสมบูรณ์ และเพื่อความรู้สึกปลอดภัยสบายใจ
นี่แหละ เป็นบางสิ่งที่ตกทอดทางพันธุกรรมมาจนถึงพวกเราในรุ่นนี้
‘เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นน้ำ
เมื่อนั้นสมองเราจะได้รับการกระตุ้นให้รู้สึกผ่อนคลาย’
ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล
วันไหนเครียดๆ
ลองขับรถไปนั่งริมทะเล หรือริมแม่น้ำใกล้ๆ ดู!
อ้างอิง
https://solaramentalhealth.com/can-drinking-enough-water-help-my-depression-and-anxiety/
https://www.gr8ness.com/why-does-looking-at-water-relax-us/
https://www.nbcnews.com/better/health/what-beach-does-your-brain-ncna787231
ติดตามบทความใหม่จาก เพจ Beautiful Madness by Mafuang ได้ทุกวันพุธ บน LINE TODAY
_AI.snap : กรี ทะเล คอยบอกให้เรา สู้ สู้
14 ต.ค. 2563 เวลา 08.19 น.
Pattie แค่อ่านและคิดตาม ใจก็เย็นลงแล้ว
14 ต.ค. 2563 เวลา 13.41 น.
ดูทั้งหมด