ในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ผู้ที่สามารถปรับตัวและเตรียมความพร้อม เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโลกอนาคตได้เร็วเท่าไร ย่อมมีความได้เปรียบมากเท่านั้น การมีพื้นฐานการศึกษาและนวัตกรรมการศึกษาที่ดี ถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กและบุคคลากร ของประเทศในยุคดิจิทัลนี้
6 สิ่งที่ผู้บริหารการศึกษาในยุคดิจิทัลควรมี และนำไปประยุกต์ใช้
หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ หรือ Education New Zealand ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลนิวซีแลนด์ ในการจัดทำโครงการความร่วมมือทางการศึกษา ระหว่างประเทศไทยและนิวซีแลนด์ ได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมองกับ ดร.ฮาเวิร์ด ยังส์ ผู้อำนวยการสายงานพัฒนานานาชาติ คณะคุรุศาสตร์ หลักสูตรการเป็นผู้นำสถานศึกษาจาก Auckland University of Technology (AUT) จากประเทศนิวซีแลนด์ เรื่องแนวคิดการในการนำทิศทางและบริหารสถานศึกษา เพื่อให้นักเรียนก้าวทันการเปลี่ยนแปลงพร้อมสู่การใช้ชีวิตในยุคดิจิตอลนี้
ดร. ยังส์ กล่าวว่า … ผู้นำด้านการศึกษา ผู้บริหารสถาบันการศึกษา ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการพัฒนาการศึกษา การคิดเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมการศึกษาใหม่ๆ เพื่อให้ก้าวทันโลกเทคโนโลยี โดยปัจจัยสำคัญ ของผู้นำการศึกษาที่ดีในยุคดิจิทัลที่น่าจะนำไปประยุกติ์ใช้มีดังนี้
– เป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต
ผู้บริหารการศึกษาทุกคน จะต้องวางตัวเองเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเฉพาะในยุค 4.0 ความรู้จะลื่นไหล เกิดขึ้นตลอดเวลาและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ศูนย์กลางของนักการศึกษาทุกคน คือต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและเปิดกว้างต่อการเรียนรู้ ทดสอบการปฏิบัติในปัจจุบันและเตรียมพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลง มากไปกว่านั้นควรเปิดโอกาสให้ครูและนักเรียนเข้ามามีส่วนร่วมในการคิดเพื่ออนาคต และการเรียนรู้ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ในสิ่งที่นักเรียนต้องการ บนพื้นฐานของสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองมีอยู่
– มีความคิดเชิงกลยุทธ์แบบอนาคต และรู้จักพัฒนาแนวปฏิบัติที่ดีในยุคปัจจุบัน
ซึ่งความคิดเชิงกลยุทธ์นี้คือ แนวคิดแบบอนาคต ที่มีความเป็นไปได้และการแก้ปัญหา ที่อาจไม่สามารถแก้ไขได้โดยใช้นโยบาย ระบบ และแนวทางปฏิบัติแบบเดิม
– พึ่งพา แบ่งปัน และกระจายความเป็นผู้นำ
เพื่อลดช่องว่างระหว่างผู้นำการคิดแบบอนาคตและผู้นำแบบเดิม ความเป็นผู้นำเป็นกระบวนการที่มีอิทธิพล แต่ไม่ใช่ทำเพียงคนเดียว การกระจายความเป็นผู้นำ โดยเน้นการกระจายแหล่งที่มาของอิทธิพล และการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทั่วทุกกลุ่มคน จะทำให้ความเชี่ยวชาญและความรู้สามารถกระจายไปทั่วกลุ่มคน เช่น การเชิญผู้นำการคิดแบบอนาคตและผู้นำแบบเดิม มาแบ่งปันความเชี่ยวชาญและความรู้ของพวกเขา
สิ่งนี้อาจมีความท้าทายมากขึ้นเมื่อครูใหญ่ หรือผู้อำนวยการโรงเรียนยังมีความคิดแบบเดิม แต่ในขณะที่ครูและนักเรียนอาจคิดแบบอนาคตไปแล้ว ฉะนั้นหากมีการแบ่งปันความคิด จะช่วยให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ที่แตกต่าง นำไปสู่การพัฒนาและช่วยสนับสนุนเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้
– ไม่กลัวเทคโนโลยีใหม่ๆและกล้าที่จะทดลอง
สำหรับกลุ่มผู้บริหารทางการศึกษา ผู้อำนวยการ หรือครูใหญ่ ที่มีความคิดเป็นแบบระบบเดิม อาจจะมีความลังเลหรือไม่มั่นใจกับเทคโนโลยีดิจิทัล หรืออาจจะคิดว่ามันเป็นการยากเกินว่าที่ตัวเองจะสามารถพัฒนาวิธีการใหม่ในการสอนที่ให้นักเรียนมาเป็นจุดศูนย์กลาง ฉะนั้นกุญแจสำคัญคือการชวนและสร้างแรงจูงใจเชิงบวกกับผู้ที่ลังเลที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่การฝืนบังคับ หรือการต่อต้านพวกเขา
– ไม่เพิกเฉยกับความคิดแบบเดิม
บางความรู้และประสบการณ์แบบเดิมอาจยังคงมีคุณค่า ผู้บริหารการศึกษาที่ดีต้องระวังอย่าเพิกเฉยต่อภูมิปัญญา โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ควรเรียนรู้ เชื่อมต่อ และสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจกับผู้ที่มีความคิดและยึดถือวิธีทำแบบเก่าอาจให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและรับฟัง
– ตั้งคำถามว่า“ พวกเราจะต้องหยุดทำอะไร หรือทำอะไรให้น้อยลง”
เพราะครูยังต้องใช้เวลาในการแบ่งปันการเรียนรู้และประสบการณ์ในห้องเรียนซึ่งกันและกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยเพียงลำพัง พวกเขายังต้องการเวลาและการสนับสนุนเพื่อทำสิ่งนี้ให้ดี
ดร.ฮาเวิร์ด ยังส์ ผู้อำนวยการสายงานพัฒนานานาชาติ คณะคุรุศาสตร์ หลักสูตรการเป็นผู้นำสถานศึกษาจาก Auckland University of Technology (AUT) จากประเทศนิวซีแลนด์
. บอกตรงๆว่าเต่าล้านปีมาก ถ้าไม่มี โควิด ระบบนี้คงอีกนาน อยากจะบอกว่า จริงๆแล้วควรจะมีมานานแล้วเพราะ พื้นฐานสำคัญ การที่เด็กได้อยู่กับครอบครัว และรอไปสอบอย่างเดียว การดำเนินชีวิต ของเด็กจะแกร่งกว่ามากกับการที่จะไปอยู่ในห้องเรียน เหมาะสำหรับคนที่มีเวลากับลูกมากๆ home school เมืองไทยต้องผลักดัน
14 พ.ค. 2563 เวลา 17.50 น.
ดูทั้งหมด