เผลอนิดเดียว กลายเป็นมนุษย์ลุงแล้ว - ดังตฤณ

มนุษย์ลุง กับมนุษย์ป้า

เป็นฉายาที่เราเรียกมนุษย์พันธุ์แปลก

คุยกับมนุษย์พันธุ์ธรรมดาไม่รู้เรื่อง

เพราะมัวแต่ฟังเสียงในหัวของตัวเอง ๙๐%

อีก ๑๐% ค่อยแบ่งไปฟังเสียงจากปากคนอื่น

คือฟังตอนที่เสียงคนอื่นตรงกับใจตน 

ได้อย่างใจตน ถูกใจตน หรือเอาใจตน

พูดง่ายๆ

มนุษย์ลุงและมนุษย์ป้า

มีใจตนเป็นศูนย์กลางจักรวาล

พฤติกรรมของมนุษย์เหล่านี้

จึงมีแต่ออกแนวเห็นแก่ตัว

เอาแต่ใจตัวเอง 

สำคัญตัวผิด คิดว่าตัวเองสำคัญที่สุด

บ๊งเบ๊งกลางที่สาธารณะได้

โดยไม่สนว่าใครจะคิดกับตัวเองยังไง

รุมด่าทอตนเสียๆ หายๆ ถึงโคตรเหง้าปานไหน

เหมือนตลกล้อเล่น แต่มนุษย์พันธุ์แปลก

ก็ปักใจหลงตนเช่นนั้นจริงๆ

อย่างเช่นที่เป็นข่าวไม่ช้าไม่นานมานี้

ดาราจีนสาว เหมาเสี่ยวถง

มีพ่อที่เคยทิ้งเธอในช่วงแรกเกิดลงถังขยะอย่างไม่ไยดี

เพียงเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิง ไม่มีค่า ไม่มีราคา

แต่พอเธอโตขึ้นมาเป็นคนสวยรวยเสน่ห์

กระทั่งกลายเป็นดาราผู้โด่งดังไปทั้งประเทศ

พ่อคนนี้ก็เกิดอารมณ์อยากทวงค่าให้กำเนิดขึ้นมา

เร่ไปออกรายการโน้นรายการนี้

สารภาพด้วยว่าตนเป็นคนเห็นแก่ตัว

แต่ความจริงคือความจริง

ตนเป็นผู้ให้น้ำเชื้อแห่งการเกิด

ฉะนั้น เมื่อลูกสาวให้แม่ได้อยู่สุขสบายอย่างไร

ตนก็ต้องได้เหมือนกันอย่างนั้น

ขอให้เอาเงินมาอย่างน้อย ๒๕๐ ล้าน (บาท)

ไม่งั้นเห็นดีกัน ตนจะลากทุกคนลงนรกไปด้วยกัน

ทุกคนฟังแล้วตะลึง อึ้ง พูดไม่ออก

บางคนหน้ามืด ควันออกหูแทนดาราสาว

บังเกิดความชิงชังพ่อเลวๆ พรรค์นี้ขึ้นมารุนแรง

คนทั้งโลกรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นไม่สมควรพูด

แต่ดูเหมือนมีเขาคนเดียวที่ไม่รู้่

คล้ายสมองส่วนที่ผลิตสำนึกผิดชอบชั่วดี

หยุดทำงานถาวรมานานแล้ว

นั่นคือแม่แบบมนุษย์ลุงระดับโลก

เป็นมนุษย์ลุงขั้นเหนือเมฆที่คุณอาจใช้เป็นบรรทัดฐาน

เพื่อสำรวจวัดจิตวัดใจตนและคนรอบข้างได้

เช่น ถ้ารู้ข่าวน่าอดสูของพ่อผู้อายยากคนนี้

แล้วเกิดความเดือดดาล เกลียดน้ำหน้าเข้าไส้

หรืออย่างน้อยแอบรำพึงทำนอง คิดงี้ได้ไง กล้าพูดเนอะ

แปลว่าจิตใจคุณไม่ใช่จำพวกเดียวกับจิตวิญญาณมนุษย์ลุง

แต่หากรู้สึกอิน เข้าอกเข้าใจ หรือกระทั่งเห็นใจ

เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อของดาราสาวพูดทุกคำ

อันนี้แปลว่าคุณเข้าข่าย

มีเชื้อพันธุ์ของมนุษย์ลุงเข้าให้เต็มเปาแล้ว

อย่างน้อยก็ในสายตาของชาวโลกส่วนใหญ่

แม้คุณจะอ้างว่า ไม่อยากตัดสินใคร

หรือมองว่าเป็นเรื่องความเห็นส่วนตัว ว่ากันไม่ได้

จะท่าไหนอย่างไรก็แล้วแต่

ขอแค่คุณเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงว่า

เข้าข้างมนุษย์ลุง มีอารมณ์ร่วมกับมนุษย์ลุง

คุณจะถูกประณามเป็นมนุษย์ลุงไปด้วยทันที

แบบไม่ต้องมีการสืบสวนหาความเห็นอื่นต่อ

จริงๆ แล้วถ้าสืบประวัติดู

จะพบว่าส่วนใหญ่

ก่อนจะมาเป็นมนุษย์ลุงและมนุษย์ป้า

คนพวกนี้เคยเป็นมนุษย์คุณหนูมานาน

มนุษย์คุณหนูอาจมีช่วงอายุประมาณ ๑ ถึง ๔๐

รูปร่างหน้าตายังไม่เข้าระยะมนุษย์ลุงมนุษย์ป้า

และในช่วงวัยดังกล่าวนั้น

ก็อาจแอบซ่อนความคิดประหลาดๆ

เก็บงำความเอาแต่ใจขั้นรุนแรงไว้

ถ้าจะเผยก็เผยออกมาต่อหน้าคนสนิท

ยังไม่ได้เวลาสำแดงตนเต็มพิกัด เพราะอายุไม่ถึง

ที่ร้ายคือ มนุษย์คุณหนูบางส่วน

พอฟังข่าวมนุษย์ลุงกับมนุษย์ป้า

ก็อาจทำท่าโมโห ก่นด่า 

หรือสาปแช่งมนุษย์ลุงมนุษย์ป้า

ได้เท่ากับคนธรรมดาอื่นๆ

จึงยังไม่มีพิรุธเป็นที่ผิดสังเกต

แล้วอย่างนี้เราจะเอาอะไรไปตัดสินว่า

ใครเริ่มเป็นมนุษย์ลุงมนุษย์ป้ากันได้ตั้งแต่เมื่อไร?

คนส่วนใหญ่งงๆกับเครื่องตัดสิน

แต่จริงๆ แล้วเครื่องตัดสินนั้นมีอยู่

ขอให้ใช้บรรทัดฐานแบบพุทธ

คือ เจตนาเป็นเครื่องชี้กรรม

กรรมที่ตั้งใจไว้ หรือกรรมที่ทำตามความตั้งใจ

นั่นแหละคือเครื่องบอกตัวตนของแต่ละคน

เอาง่ายๆ

หากเจอข่าวมนุษย์ลุงมนุษย์ป้า

เกิดความสลดใจ สังเวชธรรม

แล้วตั้งใจว่า จะไม่มีวันเป็นแบบนั้นเด็ดขาด

นั่นแหละ! คือการกำหนดเส้นทางกรรมให้ตัวเองแล้ว

ยิ่งถ้ารื้อถอนรากเหง้า

ของความเป็นมนุษย์ลุงมนุษย์ป้าออกจากตัวเองได้จริง

ก็ยิ่งเป็นเครื่องประกันว่า

ออกนอกเส้นทางบาปแบบมนุษย์พันธุ์แปลกได้แน่

เช่น พอเกิดอารมณ์ คิดทำนอง

‘ว่าจะตามใจตัวเองแบบดิบๆ เสียหน่อย’

แล้วไม่ตามใจ

‘ว่าจะไม่แคร์ใครเสียหน่อย’

แล้วแคร์มากขึ้น

‘ว่าจะพูดทุกอย่างที่ใจคิดเสียหน่อย’

แล้วเลือกพูดเฉพาะที่คิดว่า ดีต่อใจเขาใจเรา

แต่ละครั้งที่เบี่ยงเบนใจได้สำเร็จ

ก็คือถอนรากมนุษญ์พันธุ์แปลกทีละน้อย

แต่หากได้ยินข่าวมนุษย์ลุงมนุษย์ป้า

แล้วด่าทอสาปแช่งเหมือนๆคนอื่น

ทว่าไม่กำหนดใจ ไม่ปลงใจใดๆ ไว้เลย

อยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด

เมื่อเข้าระยะชีวิตที่ถึงอายุขึ้นมา

เผลอนิดเดียวอาจกลายร่าง

เป็นมนุษย์ลุงมนุษย์ป้าที่เคยด่าไว้เสียเอง

และเมื่อถึงเวลานั้นก็เฉยๆชาๆเสียแล้ว

ใครจะด่าอย่างไรก็ไม่แคร์

อยากด่าก็ด่าไป

ถือว่าเป็นเสียงนกเสียงกา

ฉันจะถือใจตัวเองเป็นใหญ่ต่อไปอย่างนี้แหละ!