ทั่วไป

ด.ญ.ลูกครึ่ง วัย 11 ขวบ รอดตาย แม่ชวนปลิดชีพหนีปัญหา แต่เชือกขาด

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์
อัพเดต 04 มิ.ย. 2563 เวลา 12.57 น. • เผยแพร่ 04 มิ.ย. 2563 เวลา 12.16 น.
ภาพไฮไลต์

สุดเศร้า แม่ลูกพากันไปผูกคอ แต่เชือกขาด ลูกสาว 11 ขวบ ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน รอด ส่วนแม่วัย 49 ปีเสียชีวิต พบมีปัญหาหลายอย่าง หย่าร้างกับสามี เขียน จม.สั่งเสียญาติ ช่วยไถ่ที่ที่เอาไปจำนอง ธ.ก.ส.ให้ด้วย 

เวลา 12.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. ร.ต.อ.ไพศาล ดำจันทร์ รองสว.(สอบสวน) สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งมีเหตุผู้หญิง 2 ราย เป็นแม่ลูกกัน ผูกคอตาย โดยผู้เป็นแม่เสียชีวิต เหตุเกิดที่ หมู่ 1 ต.บางพระ อ.ปากพนัง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก. พ.ต.ท.สุนันท์ นาคนิคาม รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.สมนึก คงวัดใหม่ รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.สุจินต์ รัตนพพันธ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ศุภวิทย์ ขุนวิช่วย สว.สส. นพ.สิริวุฒิ กิตติโพธินันท์ แพทย์เวร รพ.ปากพนัง และอาสาสมัครมูลนิธิประชาร่วมใจ รุดไปที่เกิดเหตุ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

พบเป็นบ้านชั้นเดียวครึ่งปูนครึ่งไม้ สภาพเก่าและค่อนข้างทรุดโทรม พบศพ น.ส.วาสนา แขกเทพ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เสียชีวิตในลักษณะร่างห้อยโตงเตงอยู่ในห้องนอน โดยมีเชือกไนลอนสีดำแขวนคอผูกโยงกับขื่อหลังคาบ้าน และใกล้กันพบเชือกแบบเดียวกันอีกเส้นผูกโยงกับขื่อ โดยเชือกเส้นที่อยู่ใกล้กันนี้ขาดครึ่งท่อน

ตรวจสอบตามร่างกายผู้ตายไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย ผู้ตายสวมเสื้อยืดสีเขียวขี้ม้าแขนกุด นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ที่เกิดเหตุไม่พบร่องการต่อสู้ แต่พบชั้นวางของแบบไม้ล้มอยู่ แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากขาดอากาศหายใจ จากสภาพศพคาดว่าเสียชีวิตมาราว 1 ชั่วโมง

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังพบ ด.ญ.เมย์(นามสมมติ) อายุ 11 ปี ลูกสาวของน.ส.วาสนา ซึ่งอยู่ในสภาพตื่นตระหนก และร้องไห้อยู่แทบตลอดเวลา โดย ด.ญ.เมย์ มีรอยช้ำจากรอยเชือกที่บริเวณลำคอ สอบสวนทราบว่า เพื่อนบ้านในย่านดังกล่าวได้ยินเสียงร้องของ ด.ญ.เมย์ ดังผิดปกติ จึงพากันมาดูที่บ้าน พบว่า น.ส.วาสนา เสียชีวิตในสภาพผูกคอตาย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ขณะที่ ด.ญ.เมย์ บอกว่า แม่ผูกคอหนู แล้วผูกคอแม่ แต่เชือกที่ผูกคอหนูขาด หนูจึงตกลงมา

ทางด้าน พ.ต.ท.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.สภ.ปากพนัง กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า น.ส.วาสนา มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ปากพนัง คือบ้านที่เกิดเหตุ มีสามีเป็นชาวต่างประเทศ โดยได้ย้ายไปพักอาศัยอยู่กับสามีที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หลายปีแล้ว แต่จะกลับมาที่บ้านเดิมหลังที่เกิดเหตุปีละ 3 – 4 ครั้ง และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา น.ส.วาสนา ได้พาลูกกลับมาพักที่บ้านเดิมหลังที่เกิดเหตุ และเก็บตัวอยู่ในบ้านสองคนแม่ลูก ไม่ค่อยออกมาพูดคุยพบปะกับญาติๆ และเพื่อนบ้านเหมือนครั้งก่อนๆ กระทั่งเกิดเหตุขึ้น

ในชั้นนี้ ตำรวจคาดว่า น.ส.วาสนา อาจมีปัญหาครอบครัว หรืออาจมีปัญหากับสามีชาวต่างชาติ จึงเกิดความน้อยใจ พาลูกเดินทางจากบ้านใน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช กลับมาพักอยู่ที่บ้านเกิดใน อ.ปากพนัง และอาจเกิดความเครียดหรือภาวะเคร่งเครียดอย่างหนัก จึงใช้เชือกผูกคอลูกสาว และผูกคอตัวเอง หวังจะตายไปทั้งคู่ แต่เชือกที่ใช้ผูกคอลูกสาวขาด ทำให้บุตรสาวรอดตาย ส่วนตัวของ น.ส.วาสนา ได้เสียชีวิต

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน มาร่วมตรวจที่เกิดเหตุ และนำศพผู้ตายส่งชันสูตรเพิ่มเติมที่ รพ.ปากพนัง รวมทั้งจะได้สอบสวนสืบสวน เพื่อหามูลเหตุ หรือสาเหตุ หรือแรงจูงใจที่แท้จริง ที่ทำให้ น.ส.วาสนา ก่อเหตุสลดขึ้นในครั้งนี้

ล่าสุด พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.สภ.ปากพนัง เผยว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุ และตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุที่ น.ส.วาสนา ผูกคอตายอย่างละเอียด พบจดหมายลาตาย เป็นกระดาษ 2 แผ่น เขียนด้วยลายมือ

จดหมายดังกล่าวมีใจความถึงญาติพี่น้อง ที่เอาที่ดินของตนไปจำนองธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ไถ่ถอนที่ดินออกมาจากธนาคาร เพราะชีวิตของตนกำลังอยู่ในสภาพตกอับ ไม่สามารถไถ่ถอนที่ดินที่ญาติพี่น้องเอาไปจำนองกลับมาได้ ส่วนตนและลูกสาวขอลาตาย ไม่ขออยู่เพื่อเป็นภาระกับพ่อเฒ่า(ตา) เมื่อตนและบุตรสาวตายแล้ว ขอให้นำศพไปเผาคู่กันหรือเผาพร้อมกัน

ผกก.สภ.ปากพนัง กล่าวว่า จากการสอบสวนญาติและผู้เกี่ยวข้องจนถึงเวลานี้ ได้ข้อมูลว่า น.ส.วาสนา แต่งงานอยู่กินกับสามีชาวเยอรมัน มีบุตรด้วยกัน 2 คน เป็นชาย 1 คน และ หญิง 1 คน ต่อมามีปัญหาครอบครัว จึงได้หย่าร้างกัน โดยลูกชายสามีนำไปเลี้ยงดูที่ประเทศเยอรมัน ส่วนบุตรสาว น.ส.วาสนา เป็นผู้เลี้ยงดู

ตำรวจได้ทำการสอบถาม ด.ญ.เมย์ บุตรสาวในเบื้องต้น ลูกสาวของผู้ตายที่รอดชีวิตบอกว่า น.ส.วาสนา ผู้เป็นแม่ได้ชักชวนให้ผูกคอตายพร้อมตนเอง โดยบอกกับลูกว่า เราอย่าอยู่ให้เป็นภาระของญาติๆ โดยเฉพาะคุณตา ที่อายุมากแล้ว เนื่องจากคุณยายได้เสียชีวิตไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนจะได้ประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ มาร่วมสอบปากคำ ด.ญ.เมย์ อย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากในทางคดีเด็กจะเป็นหนึ่งในพยานสำคัญ เป็นประจักษ์พยาน ที่ต้องให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่

ในชั้นนี้พนักงานสอบสวนคาดว่า สาเหตุการคิดสั้นน่าจะมาจากความเครียดเรื่องปัญหาครอบครัว รวมทั้งปัญหาด้านค่าครองชีพ หลังจากเลิกราหย่าร้างกับสามีชาวเยอรมัน ปัญหาทรัพย์สินคือ ที่ดิน ที่ญาติๆ เอาไปจำนองแล้วไม่ไถ่ถอนออกมา ตามที่ได้รับปากกับผู้ตายไว้

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 4
  • หนูเอ๋ยยยยยเจ้าดวงยังแข็งอยู่...สู้ๆกับชีวิตนะลูก!!!!
    05 มิ.ย. 2563 เวลา 08.23 น.
  • Jif@Koi🕊🌺951🌺
    น่าจะติดต่อพ่อได้นะคะเผื่อจะมีอนาคตที่ดี น่าสงสาร😔
    05 มิ.ย. 2563 เวลา 15.03 น.
  • Off
    โชคดีมากไม่เหมือนเคสแม่กับเด็ก3ขวบที่จมน้ำตาย ขอให้ฟาดเคราะห์นะ
    05 มิ.ย. 2563 เวลา 13.35 น.
  • Oh.
    เห้อออ ถอนหายใจไปยาววววๆ
    05 มิ.ย. 2563 เวลา 01.51 น.
ดูทั้งหมด