มติครม.เคาะต่ออายุการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมระบาดไวรัสร้าย “โควิด-19” เป็นครั้งที่ 3 ตามข้อเสนอของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ยาวต่อไปอีก 1 เดือน ไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน
ไม่รู้ว่าการต่อรอบ 4 จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่? อย่าลืมว่ายังมีกิจการ/กิจกรรมใหญ่ที่จ่อคิวเปิดทำการ รวมถึง 1 กรกฎาคม เป็นวันแรกที่นักเรียนทั่วประเทศเปิดเทอม กลับไปพบเจอเพื่อนฝูงและเรียนหนังสือท่ามกลางความกังวล-ห่วงใยของผู้ปกครอง ถ้าสังคม “การ์ดตก”
สายข่าวเล่าให้ฟังว่าในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ล่าสุด หารือล่วงหน้าไว้แล้วถึง “วันเปิดเทอม” 1 กรกฎาคม ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยอมรับกลางวงประชุมด้วยว่า เป็นห่วงภาพรวมเรื่องการดูแลเรื่องเว้นระยะห่างของเด็ก และห่วงใยไปถึงความแออัดในห้องเรียน ที่ลงรายละเอียดถึงสัดส่วนครูต่อนักเรียนในห้องเรียน เดิมใช้อัตราส่วน เด็ก 20 คน ต่อครู 1คน (20:1) ก็อาจจะต้องปรับให้เหลือเป็น นักเรียน 7 คน ต่อครู 1 คน (7:1) ซึ่งกระทรวงศึกษาฯ ก็รับไม้ไปวางรูปแบบกันต่อ
มีการถกเถียงถึงข้อเสนอที่ว่า นำ “พ.ร.บ.โรคติดต่อ” มาใช้แทน พ.ร.ก.ฉุนเฉิน จะดีกว่าไหม เพื่อกลับไปสู่ฟังก์ชันตามปกติให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลัก สอดรับกับตัวเลขติดเชื้อที่ไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ข้อเสนอนี้ถูกตีตก ด้วย 3 เหตุผล ในการคงใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งรายงานโดย พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
1.ยังคงมีความจำเป็นและต้องมีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยการป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ จะต้องสามารถดำเนินการต่อไปให้ได้อย่างมีเอกภาพ รวดเร็ว มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานกลางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวโยงกับทางด้านสาธารณสุขการควบคุมโรค
“ไม่ใช่แค่นำ พ.ร.บ.โรคติดต่อมาใช้แล้วได้ผล ซึ่งไม่เพียงพอ ยังต้องมีการประกอบกฎหมายกว่า 40 ฉบับ มาอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึงจะปฏิบัติตรงนี้ได้ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ การเคลื่อนย้าย การใช้ยานพาหนะ อากาศยาน การตรวจคนเข้าเมือง และอื่นๆ อีกมากมาย
2.การเตรียมรองรับในระยะต่อไป ประเทศไทยอยู่ระหว่างการกำหนดมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นกิจกรรมและกิจการที่มีความเสี่ยงสูง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการตามกฎหมาย เพื่อกำกับการบริการจัดการ เพื่อบริหารจัดการมาตรการผ่อนคลายให้เป็นระบบในเวลาที่เหมาะสม
3. สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังคงไม่สิ้นสุด โดยมีข้อมูลว่า หลายประเทศยังคงมีการระบาดและมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อในระดับที่สูง และเมื่อประเทศไทยได้จัดทำมาตรการครบทั้ง 4 ระยะแล้ว จำเป็นจะต้องมีระยะเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ อาทิ มาตรการด้านกฎหมาย แผนปฏิบัติการในการบริหารวิกฤตการณ์ เพื่อรองรับกับความเสี่ยงที่อาจจะมีการกลับมาแพร่ระบาดของโรค
3 เหตุผลของ สมช.พอจะมองเห็นภาพการต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินรอบ4 หรือไม่ ต้องชั่งใจจากข้อมูลด้านสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง สุขภาพ บวกกับบทเรียนต่างประเทศ ที่ตัดสินใจคลายล็อก แล้วเจอแจ๊กพอต ระบาดรอบใหม่ซํ้าสอง
คอลัมน์ อินไซด์สนามข่าว โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับ3,578 หน้า10 วันที่28 - 30 พฤษภาคม 2563
ต้องฟังจากหลายมุมมองอย่างฟังเแต่ด้านเดียว ปัญหามีไว้ให้แก้ปัญหามีวิธีแก้ได้หลายอย่างฉะนั้นจงฟังให้รอบด้านก่อนตัดสินใจ
28 พ.ค. 2563 เวลา 11.01 น.
พุทธคุณ ธรรมจักร. ท่านนายกทำดีที่สุดแล้ว...ป้องกันโรคจนได้รับคำชมจากทั่วโลก.
28 พ.ค. 2563 เวลา 08.20 น.
ทีม อยากให้ รัฐบาล ลดเงินเดือนบ้าง อาจจะรีบเปิด เชื่อสิ ความเดือดร้อนคนไม่เท่ากัน ถ้าคุนโดนลดเงินบ้าง คุนจะทำอีกแบบ
28 พ.ค. 2563 เวลา 06.47 น.
พูลสวัสดิ์ ทำดี เห็นผลช้า ให้อดทนครับ
28 พ.ค. 2563 เวลา 06.26 น.
Chamnan Nueng เหตุผลที่พูดมาคงจะไม่ใช่หรอก ไอ้ตูบมันกลัวม๊อบนักศึกษาต่างหาก
28 พ.ค. 2563 เวลา 05.21 น.
ดูทั้งหมด