คนเราให้ความสำคัญกับวันเกิดตัวเองไม่เหมือนกัน
บางคนเชื่อว่าวันเกิดเป็นวันพิเศษในปฏิทินที่เราควรให้ความสำคัญ ควรมีอะไรที่พิเศษกว่าวันอื่น ๆ เช่น การเลี้ยงวันเกิด หรือให้รางวัลต่าง ๆ กับตัวเอง ในขณะที่บางคนเชื่อว่าวันเกิดเป็นวันธรรมดาวันนึงที่ไม่ได้ต่างอะไรจากวันอื่น มีงานต้องส่ง มีประชุมต้องเข้า มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบกันไป
ผมพบว่าที่ผ่านมา ผมเคยให้ความสำคัญกับวันเกิดมาทั้งสองแบบ ช่วงตอนเด็ก ๆ จนถึงช่วงทำงานมีเงินเป็นของตัวเอง วันเกิด คือการเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงวันเกิดกับเพื่อน หรือครอบครัว ขอให้ได้เป็นโอกาสพิเศษที่ไม่ต้องดิ่งกลับบ้านทันทีที่งานเสร็จก็พอ ซึ่งก็พบว่าสนุกดี และรู้สึกดีที่มีคนรอบข้างให้ความสำคัญกับวันเกิดของเรา แต่พอเริ่มอายุมากขึ้น ผมก็เริ่มให้ความสำคัญกับวันเกิดน้อยลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบที่แบกรับอยู่มันเริ่มหนักหนามากขึ้นจนไม่เหลือพื้นที่ให้กับการฉลองโอกาสพิเศษสักเท่าไร ซึ่งผมก็พบว่ามันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแย่เท่าไร ไม่ได้รู้สึกน้อยใจที่ไม่มีโอกาสได้สนุกเหมือนกับตอนเด็ก ๆ
อีกสิ่งหนึ่งผมมองวันเกิดเปลี่ยนไปคือ ผมรู้สึกว่าวันเกิดเป็นวาระที่ดีที่ทำให้เราได้อยู่กับคนที่เรารัก ซึ่งอาจจะเป็นเพียงพ่อแม่ หรือเพื่อนสนิท หรือแฟน ซึ่งถ้าคนเหล่านี้ได้ใช้เวลากับเราในวันเกิดแล้ว ผมไม่รู้สึกต้องการอย่างอื่นอีกเลย คือไม่ต้องจองร้านอาหารหรู ไม่ต้องมีของขวัญ ไม่ต้องเซอร์ไพรส์อะไรทั้งนั้น ขอแค่ใช้เวลาด้วยกันแค่นั้นพอ ซึ่งเท่าที่ผมยังจำได้ หลังจากผ่านวัยสามสิบมา ผมเคยกินข้าววันเกิดที่ร้านข้าวต้มกุ๊ยริมถนนกับแฟน ผมเคยทำงานเสร็จแล้วโทรถามที่บ้านให้แน่ใจว่ามีใครซื้อเค้กไว้หรือเปล่า พอรู้ว่าไม่มีก็แวะห้างซื้อเค้กที่ตัวเองอยากกิน แล้วก็เอากลับไปกินกับที่บ้านแบบง่าย ๆ พอให้วันเกิดทำหน้าที่ให้ที่บ้านไม่ตกใจว่าทำไมอยู่ดีๆถึงซื้อเค้กก้อนเบ้อเริ่มมากิน
ผมวันเกิดกลายเป็นวาระสำหรับเรากับคนใกล้ชิด สิ่งนึงที่ผมทำคือ ผมเอาวันเกิดออกจากโซเชียลมีเดียทั้งหมด ไม่ใช่ว่าหวงความเป็นส่วนตัว หรือต้องการทดสอบว่าใครจะจำวันเกิดเราได้ แต่ผมแค่ขี้เกียจมาไล่ขอบคุณทุกคนที่มาอวยพรให้ผม ซึ่งผมรู้สึกขอบคุณจริง ๆ นะ แต่ผมแค่ขี้เกียจพิมพ์เอง แหะ ๆ
ผมจำได้ว่าตอนที่ผมอายุ 30 ปีพอดี วันเกิดปีนั้นเป็นวันที่ลูกค้าชาวต่างชาติของบริษัทผมมาประชุมที่กรุงเทพพอดี และเย็นวันนั้น เราก็มีนัดกินข้าวกันซึ่งผมรู้สึกโอเคมาก ไม่ได้รู้สึกแย่ที่อดไปใช้เวลาส่วนตัวหลังเลิกงานกับใคร เพราะลูกค้าเจ้านี้สนิทกันจนนับเป็นเพื่อนผมคนนึงไปแล้ว
เรากินข้าวมื้อใหญ่ คุยทั้งเรื่องงานและเรื่องสัพเพเหระกันหลายชั่วโมงโดยที่ผมก็ไม่ได้บอกเขาว่าวันนี้วันเกิดผมเอง แต่ก็มาความแตกตอนเกือบจะจบมื้อ เพราะดันมีเพื่อนสนิทมาอวยพรวันเกิดบนหน้าวอลล์ของผมทั้ง ๆ ที่ผมเอาวันเกิดออกแต่มันยังจำได้ แล้วลูกค้าก็ดันเปิดมือถือมาเห็นพอดี นางก็เลยโวยวายใส่ผมใหญ่เลยว่า ทำไมไม่บอกว่าวันนี้วันเกิด ยูควรจะกลับบ้านไปใช้เวลากลับครอบครัวสิ ผมก็ตอบหน้าตายว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะเราก็คิดว่ายูเป็นเพื่อนเราเหมือนกัน เราไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลยที่ปีนี้ไม่ได้ฉลองอะไร เรารู้สึกว่าชีวิตมาถึงจุดที่วันเกิดกลายเป็นวันธรรมดาวันนึงไปแล้ว นี่ทั้งวันก็ทำงานยุ่งมาตลอด ก็ไม่เห็นว่ามันจะต่างจากวันอื่นตรงไหนนี่
ลูกค้าตอบผมว่า“เข้าใจนะ ว่าเธอน่าจะเติบโตมาถึงจุดที่การฉลองวันเกิดมันไม่ได้สนุกหรือหวือหวาเหมือนตอนเด็กๆแล้ว แต่สิ่งนึงที่ฉันอยากฝากเธอไว้เป็นข้อคิด และฝากไว้ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่แค่คนที่ทำธุรกิจกัน คือฉันอยากให้เธอรู้สึกว่าวันเกิดเป็นวันพิเศษ เพราะการที่เราได้มีชีวิต ได้ใช้ชีวิต ได้มีความสุข ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ได้มีความรัก ทั้งหมดนี้แหละที่ทำให้ชีวิตมีความพิเศษ เธออาจจะไม่ต้องฉลองวันเกิดก็ได้ แต่อย่างน้อยเธออย่ารู้สึกว่ามันเป็นแค่อีกหนึ่งวันในชีวิตที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเหมือนวันอื่น ฉันอยากให้เธอได้มีเวลาและรู้สึกดีที่เธอมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ เพราะชีวิตเป็นเรื่องที่วิเศษมาก
…และสุดท้าย สุขสันต์วันเกิดนะ ฉันยินดีมากๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่งวันเกิดเธอปีนี้”
ผมยิ้มให้ก่อนขอบคุณลุกค้า
“ขอบคุณมากๆ น ะ ถึงจะไม่มีเค้กหรือของขวัญ แต่การที่ยูทำให้เราเข้าใจความหมายของชีวิต และวันเกิดมากขึ้น แค่นี้ก็นับว่าเป็นของขวัญที่ดีมากๆของปีนี้แล้ว”
Rainny L.(อิมกึมบี)🌦 ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเกิดตัวเองค่ะ แต่ให้ความสำคัญกับวันเกิดของแม่และเพื่อนรักค่ะ
12 พ.ย. 2562 เวลา 02.44 น.
ในการเพียงพอและได้ทำกับในสิ่งที่ใจต้องการ เพียงแค่นั้นก็ทำให้มีความสุขได้เช่นกัน.
12 พ.ย. 2562 เวลา 01.56 น.
ไม่เคยจัดวันเกิด มา 20 ปี ถวายผ้าไตรจีวรทำบุญทุกปี ตั้งแต่ปีแม่ตาย อุทิศบุญให้แม่อย่างเดียวเหมือนกันคะ
12 พ.ย. 2562 เวลา 12.59 น.
MMM ก็แค่วันที่ออกมาชดใช้กรรม
13 พ.ย. 2562 เวลา 15.18 น.
ดูทั้งหมด