เปิดพฤติการณ์สุดเหี้ยม แม่ปุ๊ก วางยาลูก 2 คน หวังเงินบริจาค เเพทย์เคยสั่งไม่ให้เยี่ยม หลังพบข้อสังเกตวางยาเด็ก คำร้องฝากขังค้านประกัน
จากกรณีจับกุม น.ส.นิษฐา (ขอสงวนนามสกุล) หรือ แม่ปุ๊ก อายุ 29 ปี หลังพบพฤติกรรมต้องสงสัยว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ บุตรชายแท้ๆ และด.ญ.อมยิ้ม อายุ 4 ขวบ บุตรสาวบุญธรรม ล้มป่วยด้วยอาการผิดปกติ เพื่อสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสารในการหลอกเอาเงินจากคนอื่น ทำให้ ด.ญ.อมยิ้ม เสียชีวิต ส่วนด.ช.อิ่มบุญ ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
วันที่ 25 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องขอฝากขังในคดีที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) ยื่นคำร้องขอฝากขัง น.ส.นิษฐา หรือ แม่ปุ๊ก ผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาว่า วางยาลูก 2 คน จนเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2563 พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้รับตัวน.ส.นิษฐา อายุ 29 ปี เพื่อดำเนินคดี
โดยกล่าวหาว่า รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และฉ้อโกงประชาชน ที่โรงพยาบาลนครสวรรค์ประชารักษ์ ต.ปากน้ำโพธิ์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2558
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ข่าวสด
ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน ที่บ้านพักของน.ส.นิษฐา ถนนเทิดราชัน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.2558 เกี่ยวเนื่องกันถึงที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.2561-12 ส.ค.2562 ซึ่งเป็นกรณีของน้องอมยิ้ม
คำร้องระบุพฤติการณ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2563 น.ส.เอมอัชนา แม่แท้ๆ ของน้องยิ้ม ซึ่งเป็นผู้กล่าวหา ได้มาร้องทุกข์ที่กองปราบฯ ให้ดำเนินคดีกับน.ส.นิษฐา โดยแจ้งว่าเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2558 ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงว่าจะขอรับอุปการะเลี้ยงดูบุตรของน.ส.เอมอัชนา ซึ่งขณะนั้นน.ส.เอมอัชนากำลังตั้งครรภ์อยู่ โดยหลอกลวงให้หลงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นผู้มีฐานะดี มีอาชีพการงานมั่นคง โดยอ้างว่าเป็นเภสัชกร เมื่อน.ส.เอมอัชนา คลอดบุตรแล้วชื่อว่าน้องยิ้ม ผู้ต้องหาได้มารับตัวน้องน้องยิ้ม ที่โรงพยาบาลนครสวรรค์ประชารักษ์ ไปดูแล
ต่อมาผู้ต้องหาแจ้งว่าน้องยิ้ม มีอาการป่วย จำเป็นต้องทำประกันสุขภาพ จึงหลอกลวงให้น.ส.เอมอัชนา เปิดบัญชีธนาคารทหารไทย 1 บัญชี และผู้ต้องหาเปิดบัญชีธนาคารทหารไทย อีก 2 บัญชี เป็นชื่อบัญชีของน.ส.เอมอัชนา
ปรากฏว่าผู้ต้องหานำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปใช้แสวงหาประโยชน์ โดยอ้างว่าเป็นแม่ของน้องยิ้ม ที่ป่วยด้วยโรค "เรนินโนม่าห์" และใช้เป็นเครื่องมือโฆษณารับบริจาคเงินผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งบริจาคเงินโดยตรง และในรูปแบบการซื้อสิ่งของ เช่น เครื่องมือแพทย์ เครื่องมือวัดไข้ จนมีผู้หลงเชื่อโอนเงินบริจาคเข้าบัญชีธนาคารตามที่กล่าวมาข้างต้นจำนวนมาก
และบางครั้งก็ไม่ส่งสินค้าให้ มีผู้เสียหายจำนวนหลายรายหลงเชื่อ โอนเงินค่าสินค้าเข้าบัญชีธนาคารดังกล่าว และมีผู้เสียหายจำนวนมากร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุหลายท้องที่และอยู่ระหว่างการดำเนินคดี
ต่อมาน.ส.นิษฐา แจ้งกับน.ส.เอมอัชนา ว่าน้องยิ้มป่วยหนักเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ และวันที่ 12 ส.ค. 2562 น้องยิ้มได้เสียชีวิต โดยผู้ต้องหาห้ามไม่ให้น.ส.เอมอัชนา เข้ามาเยี่ยมดูอาการไข้ และไม่ให้ไปร่วมงานศพ โดยอ้างว่าสามารถดูแลได้ และไม่อยากเห็นหน้าน.ส.เอมอัชนา เนื่องจากมีหน้าตาคล้ายกับน้องยิ้ม หากเห็นแล้วจะมีความคิดถึง น.สเอมอัชนาได้หลงเชื่อ จึงไม่ได้ไปเยี่ยมไข้และไม่ได้ไปร่วมงานศพ
จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหารับอุปการะเลี้ยงดูน้องยิ้มจริง และอ้างว่ามีบุตรชายอีก 1 คนชื่อ น้องอิ่มบุญ อายุ 2 ขวบเศษ ไม่ปรากฏชื่อพ่อเด็ก และมีพฤติกรรมฉ้อโกง หลอกลวงขายสินค้าเครื่องมือแพทย์ กระทำความผิดและมีหมายจับกุมในหลายท้องที่ และได้พบข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้ต้องหา
ปรากฏข้อความขอรับบริจาคเงิน หรือขายสินค้า โดยใช้ภาวะอาการเจ็บป่วยทุกข์ทรมานของน้องยิ้มและน้องอิ่มบุญ เป็นเครื่องมือในการโฆษณา จนมีผู้หลงเชื่อโอนเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารของน.ส.เอมอัชนา เป็นจำนวนมาก โดยผู้ต้องหาเป็นผู้ถือบัตรเอทีเอ็ม และสมุดบัญชีธนาคาร เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารดังกล่าวถึง 20 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลาเพียง 2 ปี โดยเงินดังกล่าวผู้ต้องหานำไปใช้ประโยชน์ทั้งหมด
แฉพฤติการณ์ แม่ปุ๊ก ลูกป่วยซ้ำทุกครั้งที่กินอาหาร
จากการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ แพทย์เป็นผู้รักษาอาการเจ็บป่วยของน้องยิ้ม และน้องอิ่มบุญ ปรากฏข้อมูลว่าน้องอิ่มบุญเข้ามาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่เดือน ม.ค.2563 และน้องยิ้ม ไม่ได้เจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรค "โรนินโนม่าห์" ตามที่ผู้ต้องหาแสดงข้อความอันเป็นเท็จในการโฆษณาขายสินค้าและรับบริจาค อีกทั้งอาการเจ็บป่วยทั้งของน้องยิ้มและน้องอิ่มบุญไม่ได้เกิดจากโรคที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นอาการของผู้ได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายด้วยการกิน
จากการตรวจสอบชิ้นเนื้อและตรวจสอบร่างกายเด็กอย่างละเอียดยังพบว่า ทั้งน้องยิ้มและน้องอิ่มบุญ ได้รับสารพิษประเภท "สารกัดกร่อน" ซึ่งเป็นกรดหรือด่างเข้าสู่ร่างกาย คล้ายกับผู้ป่วยที่ดื่มสารพิษประเภทน้ำยาล้างห้องน้ำ ไฮเตอร์เพื่อฆ่าตัวตาย
จากการเฝ้าดูอาการของแพทย์และพยาบาลผู้รักษาพบว่า เมื่อน.ส.นิษฐามาเยี่ยมไข้ ได้นำอาหารมาให้น้องยิ้มและน้องอิ่มบุญกิน จะมีอาการทรุดหนัก ปากบวมมีเลือดออกที่ปาก จมูกและมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นมากมาย ทุกครั้งเมื่อเด็กมีอาการเจ็บปวดทุกข์ทรมาน น.ส.นิษฐาจะถ่ายรูป ถ่ายทอดสดเพื่อนำไปโฆษณาแสวงหาประโยชน์เรียกรับเงินบริจาคแก่ผู้มีจิตเมตตาสงสารทุกครั้ง
คณะแพทย์พยาบาลจึงมีมาตรการควบคุม ไม่ให้น.ส.นิษฐาเข้าเยี่ยม และไม่ให้นำอาหารมาให้เด็กกินอีก ปรากฏว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ ผลจากการกระทำของน.ส.นิษฐา ทำให้น้องยิ้มถึงแก่ความตาย และน้องอิ่มบุญได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส บาดเจ็บสาหัส หลอดลมและหลอดอาหารเสียหาย มีอาการพิการ และได้รับทุกข์ทรมานจากการกลืนอาหารไปตลอดชีวิต
แพทย์ผู้ทำการรักษา ฝ่ายกฎหมาย และนักสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว จึงเชื่อว่าน.ส.นิษฐาเป็นผู้ให้สารพิษประเภทสารกัดกร่อน เข้าสู่ร่างกายด้วยการกิน เพื่อให้น้องยิ้มและน้องอิ่มบุญมีอาการเจ็บป่วยทุกขเวทนาน่าสงสารเพื่อที่จะลงข้อความผ่านอินเตอร์เน็ตต่อสาธารณชนขายสินค้าและรับบริจาคแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ผู้ต้องหาเอง
การกระทำของผู้ต้องหาที่กระทำต่อน้องยิ้ม เป็นความผิดฐานรับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฉ้อโกงในการแสดงตนเป็นคนอื่นฉ้อโกงประชาชน และการกระทำต่อน้องอิ่มบุญ เป็นความผิดฐานรับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมาย เพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่นและฉ้อโกงประชาชน
ต่อมาวันที่ 18 พ.ค.2563 พนักงานสอบสวนกองปราบรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในข้อหาดังกล่าว ต่อมาศาลอาญาอนุมัติหมายจับที่ 675/2563 ลงวันที่ 18 พ.ค.2563 เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้นเพื่อนำส่งดำเนินคดี
นอกจากนี้ คณะแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับผู้ต้องหาในความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กมาตรา 40 ที่ สภ.คลองหลวง ตามคดีอาญาที่ 127/2563 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ทั้งนี้ การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ครบกำหนดการควบคุมตัว 48 ชั่วโมงในวันที่ 20 พ.ค.2563 พนักงานสอบสวน ยังต้องสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก รอผลตรวจของกลางและผลตรวจสอบการพิมพ์มือของผู้ต้องหา ด้วยความจำเป็นจึงขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งเเรกไว้มีกำหนด 12 วันนับตั้งแต่วันที่ 20-31 พ.ค.
- เพิ่มข้อหาค้ามนุษย์ ‘แม่ปุ๊ก’ คาดมีคนใกล้ชิดรู้เห็น พบเส้นทางการเงินไม่สอดคล้องค่ารักษา
- พิรุธอื้อ! เผยคำให้การคดี แม่ปุ๊ก สงสัยวางยาลูก ส่อไม่ใช่แม่ 'น้องอิ่มบุญ'
- ทีมหมอ แฉพิรุธ แม่ปุ๊ก มัวแต่ถ่ายคลิปตอนลูกอาเจียนเป็นเลือด
หากมีการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง หากให้ประกันผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี
จากการตรวจสอบผู้ต้องหาและพยานซึ่งเป็นพ่อของผู้ต้องหาให้การว่า ผู้ต้องหาเคยเข้ารับการรักษาด้วยโรคสุขภาพจิต ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ผลการตรวจสอบพบว่ามีความผิดปกติกับการจัดการความเครียดเมื่อเดือน ก.พ.2563 แต่ในขณะสอบสวนผู้ต้องหารับทราบเข้าใจคำถามของพนักงานสอบสวน และสามารถตอบคำถามของพนักงานสอบสวนได้ และมีสติสัมปชัญญะดี จึงขออนุญาตให้นำส่งผู้ต้องหาไปตรวจสุขภาพจิตอย่างละเอียดเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน
orasa น่าสงสารจังเลยลูก เวรกรรมอะไรนะ ทำให้ต้องมาเจอ เดรัจฉานในร่างคนเยี่ยงนี้
25 พ.ค. 2563 เวลา 08.13 น.
noy ขอบคุณคณะแพทย์ค่ะ
25 พ.ค. 2563 เวลา 08.11 น.
Men ยังเรียกมันว่า แม่ อยู่อีกทำไม มันไม่คุณสมบัติที่จะเป็นแม่คน แม่หมามันยังรักลูกมัน ต้องเรียกมันอีสัตว์นรก อีปีศาจ ชิงหมาเกิด
25 พ.ค. 2563 เวลา 08.15 น.
ป้าชุ นะคะ อีโรคจิต
25 พ.ค. 2563 เวลา 08.14 น.
ส.อ.ฤทธิไกร ศ. ถ้าจะเอาภาพไปหลอก ไม่ต้องใช้ความเลวร้ายทารุณทำให้เด็กเจ็บปวดทรมานขนาดนี้ก็ได้
เขาถ่ายหนังเขาแต่งให้เหมือนเลือด บาดเจ็บ ป่วยซีดได้ อยากทำให้ดูกระอักเลือด ซื้อเลือดวัว มาเทใส่ปากก็ได้ ทำไมต้องทำให้เจ็บ
25 พ.ค. 2563 เวลา 08.16 น.
ดูทั้งหมด