ทั่วไป

เปิดสำนวนสอบสวน นศ.เห็นหรือไม่เห็น "บิลลี่"

Thai PBS
อัพเดต 12 พ.ย. 2562 เวลา 11.11 น. • เผยแพร่ 12 พ.ย. 2562 เวลา 11.56 น. • Thai PBS

ไทยพีบีเอส ย้อนเหตุการณ์ และคำให้การของนักศึกษาฝึกงาน 2 คนในคดีการหายตัวของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจานในช่วงที่หายตัว 5 ปีก่อน กระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบหลักฐานสำคัญ และยืนยันว่าเป็นการฆาตกรรม จนนำมาสู่การออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และพวกรวม 4 คน

จุดหนึ่งที่เป็นหลักฐานสำคัญของ ดีเอสไอ ก็คือ คำให้การของนักศึกษาฝึกงาน 2 คน ที่ยืนยันในการสอบสวนครั้งสุดท้ายว่า เขาไม่เห็นบิลลี่ และอ้างว่าสิ่งที่เคยให้การว่าเห็นบิลลี่ในช่วงแรกๆ เพราะนายชัยวัฒน์ ได้ลำดับเหตุการณ์ให้ฟัง และพาไปชี้จุดก่อน ทั้งนี้จากการอ่านคำให้การของนักศึกษาฝึกงานทั้งหมด และพบจุดเปลี่ยนสำคัญ ดังนี้
1.ก่อนอื่นทำความเข้าใจกับผู้ต้องหากลุ่มนี้ก่อน วันเกิดเหตุ 17 เม.ย.2557 นายชัยวัฒน์ ให้บิลลี่ขึ้นรถกระบะของเขา และนำมอเตอร์ไซค์ขึ้นด้านหลัง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

2.คนขับรถกระบะคันนี้คือ นายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ

3.นายชัยวัฒน์ นั่งหน้าด้านข้างคนขับ

4.เบาะหลังด้านหลังคนขับคือ นายบุญแทน บุษราคัม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

5.เบาะหลังอีกฝั่งหนึ่งก็คือ บิลลี่  

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

6.ด้านหลังกระบะมีลูกน้องของนายชัยวัฒน์ นั่งประคองมอเตอร์ไซค์เอาไว้ชื่อนายไพฑูรย์ แช่มเทศ หรือปัจจุบัน ชื่อนายธนเสฏฐ์ แช่มเทศ  ซึ่งเป็นรถคันที่ควบคุมตัวบิลลี่

7.แต่มีรถอีกคันนึงขับตามมาห่างกันไม่นาน พยานที่อยู่ในรถคันนี้ คือจุดสำคัญที่จะชี้ว่า เห็นหรือไม่เห็น รถของนายชัยวัฒน์ ปล่อยบิลลี่

8.รถคันนี้มีคนขับชื่อ นายเกษม ลือฤทธิ์ หัวหน้าด่านเขามะเร็ว จุดที่บิลลี่ถูกจับ เขากำลังจะขับไปส่งนักศึกษาฝึกงาน 2 คน ซึ่งเขามามากับนายชัยวัฒน์

9.มีคนนั่งด้านข้างคนขับ ชื่อ นายอนุพงษ์ สะอาดจิตร์ เป็นเจ้าหน้าที่อีกคน

10 และเบาะหลังรถกระบะคันนี้มีนักศึกษาฝึกงานผู้หญิงหนึ่งคน

ข้อสังเกตคำให้การที่ไม่ตรงกัน 

11.อีกด้านหนึ่งเป็นนักศึกษาฝึกงานชาย ทั้งนักศึกษาหญิง และชายถูกสอบปากคำในฐานะพยานหลายครั้ง พูดไม่เหมือนกัน 

12.การให้การวันที่ 22 เม.ย.2557 หรือประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากเกิดเหตุ 17 เม.ย.2557 ที่ สภ.แก่งกระจาน นักศึกษาฝึกงานชายบอกว่า ขณะนั้นฝนตกหนัก มองเห็นชัดในระยะ 5 เมตรได้สังเกตชายรูปร่างคล้ายนายพอละจี ขี่จักรยานยนต์ ตรงไหล่ทาง ความเร็วต่ำ แล่นไปในทิศทางเดียวกันแล้วรถยนต์ของเขาก็ขับแซงไป เขามั่นใจว่าชายที่ขี่จักรยานยนต์คือ นายพอละจี เพราะสังเกตจากการแต่งกายจักรยานยนต์ กระเป๋าเป้ และกระสอบถุงปุ๋ย

13.นักศึกษาฝึกงานให้การอีกครั้งวันที่ 6 พ.ค. 2557 ที่ สภ.แก่งกระจาน ครั้งนี้ เขาขอแก้ไข้เพิ่มเติมว่า ไม่มั่นใจว่าชายที่ขี่จักรยานยนต์ตรงไหล่ทางด้านซ้ายเป็นนายพอละจี เพราะเพิ่งเห็นนายพอละจีครั้งแรก แต่เชื่อว่าแต่งกายคล้ายกัน จึงเข้าใจว่าเป็นคนเดียวกัน แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นนายพอละจี เพราะไม่เห็นหน้า ประกอบกับฝนตกหนัก

14.ในการให้การวันเดียวกัน เมื่อพนักงานสอบสวนนำรูปของบิลลี่ให้นักศึกษาฝึกงานดู เขาบอกว่า เขายืนยันภาพถ่ายที่ให้ดูเป็นบุคคลที่พบเห็นที่ด่านเขามะเร็ว คือนายพอละจี โดยพบครั้งแรกในชีวิต แต่ไม่ยืนยันว่าชายที่ขี่จักรยานยนต์คือนายพอละจี เนื่องจากไม่เห็นหน้า ไม่สนใจหันไปดูเพียงแต่มองผ่านๆ

15.จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่การให้การวันที่ 20 ส.ค. 2557 ที่ สภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี ลองสังเกตว่า นี่เป็นการให้การนอกพื้นที่ครั้งแรก นักศึกษาฝึกงานชายบอกว่า เขาไม่ยืนยันว่าเป็นเส้นทางเดินรถเดียวกับรถยนต์ของนายชัยวัฒน์หรือไม่ และบอกว่าไม่เห็นรถยนต์หรือจักรยานยนต์คันใดทั้งทางที่วิ่งสวนและไปในทางเดียวกัน

16.พนักงานสอบสวนถามต่อว่า ทำไมก่อนหน้านี้ เขาถึงให้การไปในทิศทางที่ยืนยันว่าเห็นบิลลี่ นักศึกษาฝึกงานตอบว่าหลังจากเกิดเหตุนายชัยวัฒน์ กับพวกได้ลำดับเหตุการณ์ให้เขาฟัง และพาไปชี้จุดที่อ้างว่าพบนายพอละจี จึงเกิดอาการคล้อยตาม ประกอบกับในช่วงนั้นฝึกงานอยู่ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ดูแลอย่างดีจึงเกิดความเกรงใจแต่เมื่อได้ปรึกษากับ บิดา อาจารย์ แล้ว บิดาและอาจารย์ให้คำแนะนำให้เขาให้การด้วยความสัตย์จริง

เปิดคำให้การนักศึกษาฝึกงานยืนยันไม่เห็น "บิลลี่"

นักศึกษาฝึกงานชาย บอกว่า วันที่ 21 เม.ย.2557 เขาต้องร่างลำดับเหตุการณ์ให้นายชัยวัฒน์ดูที่ร้านกาแฟ นายชัยวัฒน์ใช้ดินสอปรับแก้ในกระดาษ ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นำไปพิมพ์มาให้ลงชื่อในเอกสาร

จุดนี้สอดคล้องกับคำให้การของนักศึกษาฝึกงานหญิงที่บอกว่า หลังเกิดเหตุนายชัยวัฒน์กับพวก ได้เข้ามาลำดับเหตุการณ์ต่างให้ฟัง ทั้งที่เขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์มาก่อน และนักศึกษาหญิงบอกว่า มีเจ้าหน้า ที่อุทยานฯ คนหนึ่ง มาพูดว่า ให้การไปตามนั้นเรื่องจะได้จบและไม่ต้องไปศาลอีก จะได้กลับไปเรียน

ผ่านมา 4 ปี ดีเอสไอ เรียกสอบพยานอีกครั้งหนึ่ง วันที่ 9 ส.ค.2561 ดีเอสไอ เอาคำให้การที่นักศึกษาเคยให้ไว้มาถามว่ายืนยันคำให้การไหน ปรากฎว่า นักศึกษาชายยังคงยืนยันคำให้การของวันที่ 20 ส.ค.ที่บอกว่า ไม่ยืนยันว่ารถของเขาใช้เส้นทางเดียวกับรถของชัยวัฒน์หรือไม่ และบอกว่าไม่เห็นจักรยานยนต์คันใด

โดยสรุปคือ นักศึกษาฝึกงาน ไม่เห็นเหตุการณ์ที่นายชัยวัฒน์ อ้างว่า ปล่อยตัวบิลลี่ แล้ว การให้การช่วงแรก เกิดจากการที่นายชัยวัฒน์บอกให้นักศึกษาพูดไปแบบนั้น 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลให้ประกัน "ชัยวัฒน์-พวก" หลักทรัพย์คนละ 8 แสนบาท

ไม่เครียด! "ชัยวัฒน์" โผล่กาญจนบุรี รับนโยบาย "ประวิตร"

ย้อน 5 ปีคดี "บิลลี่" ถึงวันที่ "ชัยวัฒน์" มอบตัว

 

 

 

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 14
  • chokhd
    โดดลงถังเอง จุดไฟเผาเองและกลิ้งถังลมน้ำเอง ตายเอง ถุย ...คนธรรมดาทำไม่ได้หรอกดูจากหลักฐาน ต้องมีอย่างน้อย3คนขึ้นไปมีรถขนถังน้ำมันและต้องรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี ดูได้จากการทิ้งถังที่เผา ...และที่สัมคัญต้องมีความขัดแย้งกัน. ....พิจรณาดูแล้วจะมีใครละ ถ้าให้ฆาตกรตอบมันต้องบอกว่าต้องเป็นพวกตับลิขสิทย์การ์ตูนแน่นอน5555555
    12 พ.ย. 2562 เวลา 14.02 น.
  • ชัยนรินท์(กิตติชัย)
    กรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนาไม่มีใครหนีพ้นกฎแห่งกรรมจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
    12 พ.ย. 2562 เวลา 14.28 น.
  • pongstorn
    ไม่แปลกที่ ตร จะจับคุณ เพราะทีมคุณเป็นกลุ่มสุดท้ายที่อยู่กับบิลลี่..
    12 พ.ย. 2562 เวลา 13.29 น.
  • ถวิล
    ความชั่วเริ่มปรากดแล้ว การฆ่าคนตายนั้นย่อมได้รับผลกรรมนั้นตอบแทนเสมอ นะโยมทั้งหลาย จงชั่งใจไห้ดี ก่อนการหระทำใดใด ไห้ไช้สติไห้มาก
    12 พ.ย. 2562 เวลา 13.24 น.
  • ให้ผมทายไหม พยานพลิกคำให้การในชั้นศาลแน่นอน มองดูรูปการแล้ว พยานอ่อนแค่อาจถูกใครว่าจ้างมาอีกที สอบพยานดีๆมีหลุดแน่
    12 พ.ย. 2562 เวลา 14.05 น.
ดูทั้งหมด