เชื่อว่าพุทธศาสนิกชนจะต้องเคยได้ยินพุทธศาสนสุภาษิตกันมาบ้าง บางคนท่องได้ บางคนก็คุ้น ๆ และบางคนก็เข้าใจพุทธศาสนสุภาษิตเหล่านั้นเป็นอย่างดี แต่กลับไม่เคยได้นำไปใช้จริง ๆ เลย
ส่วนใหญ่พุทธศาสนสุภาษิตเหล่านี้เป็นคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่เรา ๆ ก็รู้กันดีอยู่แล้ว ทั้งสอนสั่ง ให้ข้อคิด และเตือนใจ แค่ต้องนำไปใช้ก็เกิดประโยชน์มากมาย
ตนแลเป็นที่พึ่งของตน
บุคคลอื่นใดเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลที่ตนฝึกฝนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งอันได้โดยยาก
คนเราต้องรู้จักพึ่งพาตนเอง จะมัวแต่พึ่งพาคนอื่นนั้นคงไม่ได้ และการจะพึ่งพาตัวเองได้นั้นต้องผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ฝึกไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ยากก็จะง่ายขึ้น จากนั้นเราจะค่อย ๆ พึ่งตนเองได้
คนเราเดี๋ยวนี้ให้ความสำคัญกับเงินทอง ทรัพย์สินเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งที่ปัญญาก็สามารถสร้างทรัพย์สินได้มากมาย ในขณะที่คนมีทรัพย์ แต่ขาดปัญญา ย่อมไม่พอใจในทรัพย์ที่มีอยู่ แต่กลับมีความต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ
คนเป็นหนี้บานตะไทน่าจะรู้จักความทุกข์ที่เกิดจากการเป็นหนี้ได้ดี เป็นทุกข์หนักที่ไม่รู้จะจัดได้อย่างไร ถ้าใช้ชีวิตตามใจ ปล่อยตัวไปกับกิเลสจนทำให้เกิดหนี้นั้นไม่ได้ ต้องรู้จักพอ ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์
กรรมหรือการกระทำ เมื่อทำกรรมไว้อย่างไรก็ต้องรับผลของกรรมนั้นตามที่ทำไว้ เพราะไม่ว่าคนหรือสัตว์ จะทุกข์ก็ดี สุขก็ดี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากใครหรืออะไร แต่เกิดจากสิ่งที่เราได้ทำไว้ทั้งในอดีตหรือปัจจุบันก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลจากกระทำของตัวเราเองเท่านั้น
น ชจฺจา วสโล โหติ น
ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ
กมฺมุนา วสโล โหติ
กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ
จะดี จะชั่วก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเองทั้งนั้น ส่วนชาติกำเนิด ยศถาบรรดาศักดิ์ ความรวย-จนเป็นเพียงเครื่องบ่งบอกสถานะเท่านั้น แต่จะมาตัดสินความเป็นคนดี คนเลวไม่ได้ สังคมเดี๋ยวนี้ชอบตัดสินกันจากความรวยและต้นตระกูล ทั้งที่จริงแล้วการกระทำต่างหากที่บ่งบอกตัวตนของคน ๆ นั้น
กตัญญูกตเวที มาจากคำว่า กตัญญู คือผู้รู้คุณท่านผู้มีอุปการะแก่ตน ส่วนคำว่า กตเวที แปลว่า ตอบแทนคุณแก่ท่านผู้ทำอุปการะ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้เราห่างเหินจากความกตัญญูกตเวทีไปมาก อาจเพราะสังคมไทยกลายเป็นสังคมขนาดเล็กลง ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันเหมือนก่อน แต่อย่าลืมว่าความกตัญญูกตเวทีผู้มีความกตัญญูรู้คุณคนย่อมเจริญงอกงาม
ถ้ามัวแต่ยอมคน โอนอ่อนไปตามเค้าเสียหมด ก็จะโดนเอาเปรียบได้ง่าย ๆ แต่ถ้าแข็งจัด โน่นก็ไม่ยอม นี่ก็ไม่ได้ คนรอบข้างก็จ้องที่จะนินทาว่าร้าย เผลอ ๆ ภัยจะมาถึงตัว ทางที่ดีต้องทำอะไรแต่พอดี เดินสายกลาง อ่อนโยนได้แต่อย่าอ่อนแอ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
ไม่มีใครไม่ถูกนินทา ขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยโดนนินทานับประสาอะไรกับคนอย่างเรา ๆ ถ้าเขานินทาเรื่องจริง ก็อย่าไปโกรธเพราะมันคือเรื่องจริง แต่ถ้าเขานินทาเรื่องไม่จริง ก็อย่าไปโกรธเขาเพราะมันไม่ใช่เรื่องไม่จริง เราห้ามคนอื่นไม่ให้นินทาด่าว่าไม่ได้ ก็ห้ามใจเราไม่ให้คิดและด่าตอบ เท่านี้ชีวิตก็มีความสุขได้
ถ้าอยากรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ดูได้จากเพื่อนที่คบ หนังสือที่อ่าน และงานที่ทำ เพราะไม่มีใครเกิดมาโดยไม่มีเพื่อน และเพื่อนนี่แหละที่จะพาเราไปสู่ความเจริญหรือความเสื่อม เลือกคบคนแบบไหน เราก็เป็นแบบนั้น
ความร่ำรวยไม่ได้ทำให้มีความสุข ถึงมีเงินแต่เป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบ ก็ไม่มีความสุข เกิดความหวาดกลัวต่าง ๆ นานา สู้ไม่มีเงินหรือมีน้อย แต่ได้มาด้วยความสุจริตก็ยังมีความสุขมากกว่า ไม่ต้องร้อนรน คิดมากจนทำให้เกิดทุกข์
สาธุ
19 มี.ค. 2561 เวลา 12.44 น.
สาธุการ สาธุ
19 มี.ค. 2561 เวลา 13.08 น.
สาธุๆๆๆ
19 มี.ค. 2561 เวลา 12.03 น.
JJ'Ree168 สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
19 มี.ค. 2561 เวลา 12.05 น.
พวกคิดชั่วมันไม่เคยกลัวบาปหรอก
19 มี.ค. 2561 เวลา 13.40 น.
ดูทั้งหมด