แนวโน้มสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence ( AI) ถือเป็นศาสตร์เทคโนโลยีหนึ่งที่อยู่ในวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือ computer science ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้าค่อนข้างมาก มีการบูรณาการในส่วนของเทคโนโลยีไปสู่ทุกศาสตร์ ทั้งในเรื่องระบบการตรวจสอบอัตโนมัติ การประมวลผลข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับยุคในปัจจุบันที่มีปริมาณข้อมูลมหาศาล ดังนั้น AI จึงเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการช่วยให้กระบวนการต่างๆ ในการดำรงชีวิตของคนยุคใหม่ให้สะดวกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
รศ.ดร.สิรภัทร เชี่ยวชาญวัฒนา คณบดีวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ (College of Computing: CP) มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยว่า ศาสตร์ AI ไม่เพียงประมวลผลในคอมพิวเตอร์อย่างเดียว ต่อไปเราจะไปสร้างอุปกรณ์ประมวลผล และใส่อัลกอริทึม หรือ คำสั่งหรือเงื่อนไขแบบทีละขั้นตอนที่จะทำให้หุ่นยนต์นั้นทำสิ่งที่เรากำหนดให้สมบูรณ์ ในอนาคตอาจจะเห็น Digital Human (คนเทียม) ที่สามารถปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์หรือสิ่งรอบตัวเหมือนกับคน (คือเป็นการเลียนแบบธรรมชาติ) เช่นในวงการของประชาสัมพันธ์มีนักข่าวที่เป็น Digital Human ซึ่งจะมีการอ่านข่าวและการสื่อสารทางด้านร่างกาย ผ่านการแสดงสีหน้า แววตา ได้เหมือนกับมนุษย์ เพราะเรามีอัลกอริทึมในการที่จะรู้จักและรู้จำภาษากายของมนุษย์ ในส่วนของโครงสร้างของคนเทียมประกอบไปด้วยกล้องเปรียบเสมือนดวงตา ทำหน้าที่แปลงจากภาพที่ได้รับเข้ามาเป็นข้อมูล และซอฟต์แวร์ AI ที่เปรียบเสมือนสมองกลทำหน้าที่ประมวลผลว่าหน้าตาแบบนี้แสดงอารมณ์แบบใด ในส่วนนี้เราเรียกว่า Pattern recognition คือการใช้เทคโนโลยี AI เข้าไปจัดการเลียนแบบอารมณ์มนุษย์
มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีนโยบายจัดตั้งหลักสูตรปัญญาประดิษฐ์ สังกัดวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ขึ้น เพื่อให้ความรู้ด้านทฤษฎีอย่างเข้มข้น นอกจากนี้การเรียนการสอนยังมีลักษณะเป็นเชิงบูรณาการเชื่อมโยงไปยังศาสตร์อื่นๆ โดยมีความร่วมมือกับหลากหลายคณะ ประกอบด้วย AI ด้านการแพทย์ บูรณาการร่วมกับคณะแพทยศาสตร์, AI ด้านธุรกิจ ร่วมกับคณะบริหารและการบัญชี, AI ด้านการเกษตร บูรณาการร่วมกับคณะเกษตรศาสตร์, และ AI ด้านกิจการสาธารณะ บูรณาการร่วมกับวิทยาลัยปกครองท้องถิ่น
หลักสูตรปัญญาประดิษฐ์ วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นหลักสูตรที่ให้ความเข้มข้นกับศาสตร์ AI โดยใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น 4 ปี ประกอบด้วยเนื้อหาการเรียน 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่
ส่วนแรก AI Techniques เป็นการปูพื้นฐานทฤษฎีทางด้าน AI ซึ่งจะมีพื้นฐานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหาเชิงคำนวณ ทฤษฎีด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และแนวคิดในการประยุกต์ใช้ AI ที่ชัดเจนและเข้มข้น
ส่วนสอง AI Functional Applications เป็นการนำเอาขั้นตอนวิธีพื้นฐานของ AI ไปสร้างส่วนของ AI ประยุกต์ ในระดับของฟังก์ชันงาน เช่น การรู้จำ Recognition การจำแนกแบบ การจัดกลุ่ม การทำนาย เพื่อที่จะสามารถนำไปประมวลและวิเคราะห์ผลกับข้อมูลประเภทต่างๆ รวมไปถึงการที่จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจถึงความเหมาะสมของการเลือกใช้ AI แต่ละประเภทอีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นเนื้อหาในระดับชั้นปีที่ 3
ส่วนสุดท้าย AI Application Fields คือการนำองค์ความรู้ AI ไปประยุกต์ใช้ในสายงานต่างๆ เช่น ทางด้านการแพทย์ ทางด้านการเกษตร ทางด้านบริหารธุรกิจ ทางด้านการส่งเสริมกิจกรรมสาธารณะ และด้านอื่นๆ ซึ่งในส่วนสุดท้ายจะเป็นเนื้อหาในระดับชั้นปีที่ 3-4 นอกจากนั้นยังมีส่วนของภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรมมาร่วมมือด้วย ทำให้นักศึกษาจากหลักสูตรนี้พร้อมที่จะออกไปทำงานจริง และเป็นบัณฑิตที่พร้อมใช้งานในความต้องการของตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยขอนแก่นถือเป็นมหาวิทยาลัยแรกที่มีการจับคู่ระหว่างหลักสูตร AI กับคณะสาขาวิชาต่าง ๆ ในการบูรณาการหลักสูตรเฉพาะด้าน เมื่อเรียนจนถึงชั้นปีที่ 4 นักศึกษาสามารถนำไปต่อยอดในด้านต่างๆ ที่ตนสนใจหรือถนัด ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของหลักสูตร AI วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้และพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ต่อสาขาวิชาชีพต่างๆ เช่น ด้านการแพทย์ ด้านธุรกิจ ด้านการเกษตร และด้านการปกครอง เป็นต้น นอกจากนี้ยังผนวกเข้ากับสถานประกอบการต่างๆ ทั้ง บริษัท หน่วยงาน และ องค์กร เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความถนัด ความสามารถในการประยุกต์ใช้ AI กับศาสตร์ทุกแขนงได้ อันเป็นบัณฑิตที่พึงประสงค์ต่อโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง
แน่นอนว่านักวิทยาศาสตร์ AI นั้นจะต้องนำความรู้ไปสร้างประโยชน์แก่สังคมมากกว่าทำให้เกิดโทษ.ในส่วนของทางด้านสมาคม AI ของประเทศไทยเองได้บรรจุเรื่องประเด็นด้านจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ให้อยู่ในความสำคัญที่ต้องไตร่ตรองเป็นเป็นพิเศษ และพยายามผลักดันร่างข้อบังคับด้านจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ร่วมกันทั้งประเทศต่อไป
“เรามั่นใจว่า นักศึกษา และบัณฑิต หลักสูตร AI วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะช่วยขับเคลื่อน AI ของโลกภายใต้หลักสูตรมาตรฐานสากล การันตีโดยคณาจารย์ที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการทำวิจัยค่อนข้างสูง แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดก็ตาม เราสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถก้าวเข้าไปอยู่ใน Top rank 600-800 ของโลก ซึ่งเป็นปีแรกที่ส่งเข้าร่วมจัดอันดับ Computer Science by Subject ซึ่งศาสตร์ด้านนี้จะสามารถขยายไปได้อีกไกลมาก”คณบดีวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวปิดท้าย
ด้านนักศึกษาโครงงานปัญญาประดิษฐ์ นายชนม์สวัสดิ์ นาคนาม เผยว่า AI สามารถวิเคราะห์ได้ซับซ้อนมากกว่าสมองหรือดวงตาของมนุษย์ที่จะมองเห็น และมีความแม่นยำ เพิ่มความสะดวกสบาย ประยุกต์เข้ากับสถานการณ์ เหตุการณ์ สถานที่ได้อย่างเหมาะสม ยกตัวอย่างโครงการของตน คือ การใช้ AI นับจำนวนคนเข้างานนิทรรศการ หรือสถานที่ที่มีคนหนาแน่น โดยโครงงานดังกล่าวสามารถระบุได้ว่าตรงไหนมีจำนวนคนหนาแน่น โดยปกติสายตามนุษย์จะสามารถประเมินจำนวนคนในบริเวณนั้นได้คร่าว ๆ แต่อาจเกิดความล่าช้าและอาจเกิดความผิดพลาดสูง
ด้านนายพริษฐ์ จงหาญ นักศึกษาเจ้าของโครงการ Face detection and identification System หรือ การตรวจจับคนร้ายด้วยใบหน้า และเจ้าของรางวัล Tech4Good gold award (turning green project) ตัวแทนโครงการระดับเอเชียแข่งขัน AI ระดับโลก เผยว่า การตรวจจับคนร้ายด้วยใบหน้ามีแรงบันดาลใจจากการตรวจจับใบหน้าคนร้ายอย่างยากลำบากในช่วงสถานการณ์โควิดเพราะคนร้ายส่วนใหญ่แฝงตัวใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ทำให้ AI ที่ใช้จับภาพคนร้ายชนิดเต็มใบหน้าเริ่มใช้ไม่ได้ผล ตนและเพื่อนอีก 2 คน ประกอบด้วย ภูมิภัทร จันทร์ใบ และ ปัณณธร ผาใต้ จึงจัดทำโครงงานการตรวจจับคนร้ายด้วยใบหน้า แม้จะเห็นใบหน้าแค่บางส่วนก็ตาม
“AI นี้สามารถระบุใบหน้าคนร้ายได้ชัดแม้จะเห็นเพียงใบหน้าครึ่งบนของคนร้าย เพราะครึ่งล่างถูกหน้ากากอนามัยปิดบังอยู่ โดยออกแบบให้ AI ประมวลผลในแบบตรวจจับแบบเต็มหน้า และแบบตรวจจับครึ่งหน้า นั่นหมายความว่า ต่อให้คนร้ายจะใส่แมส หรือไม่ใส่แมส ก็สามารถระบุใบหน้าคนร้ายได้อย่างแม่นยำด้วย AI ซึ่งสามาถสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถใช้ในการทหาร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท้องที่ เรียกว่าเป็น AI ชนิด maintain security โมเดล AI ที่ผมและเพื่อนอยากให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม” นักศึกษาเจ้าของโครงงานการตรวจจับคนร้ายด้วยใบหน้า กล่าวทิ้งท้าย
หลักสูตร AI ของ วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการสร้างและผลิตกำลังคนที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมและองค์กรต่าง ๆ ให้เป็นหลักสูตรที่จะสามารถผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถทางด้าน AI โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวโน้มของความต้องการทางเทคโนโลยีของทั่วโลก และจำเป็นอย่างยิ่งต่อการผลักดันความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมที่มีอยู่แล้วในประเทศ (First S-Curve) เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ
นอกจากนี้ ยังเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (New S-curve) คือ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) อุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) เพื่อพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบสินค้าและเทคโนโลยี อันเป็นหัวใจหลักของกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป