‘ณัฐวุฒิ’ ตอบอนาคต หลังแยกทางเพื่อไทย ฝาก 141 ส.ส. ลุยต่อ กม. อย่าทิ้งคนเสื้อแดง
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์รายการ คุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา
นายสรยุทธถามตอนหนึ่งว่า เคยบอกว่าถ้าวันไหนพรรคเพื่อไทย (พท.) จับมือ 2 ลุง รัฐบาลพัง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เดินยากมาก แต่เมื่อเป็นการตัดสินใจภายใต้ข้อจำกัด ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก ผมก็เอาใจช่วย อยากให้พรรคทำสำเร็จ ในสิ่งที่พรรค พท.ได้ประกาศไว้กับประชาชน อยากให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ อยากให้มีการผ่าน พ.ร.ป. ป.ป.ช. และ พ.ร.ป. วิธีพิจารณาความในศาลฎีกา นักการเมือง ซึ่งจะส่งผลให้ญาติของผู้เสียชีวิตในคดีสลายการชุมนุม 2553 ที่ราชประสงค์ และแยกคอกวัว สามารถจะฟ้องศาลได้โดยตรง โดยคดีนี้กำลังจะหมดอายุความใน 7 ปี
“ผมได้ฝากฝังกับเพื่อนๆ น้องๆ ส.ส.ว่าถ้าพรรคจะเสนอกฎหมายนี้ ซึ่งต้องเสนอ และต้องเสนอเป็นลำดับต้นๆ ด้วย ถ้าไม่เสนอเจอผมแน่ แต่ถ้าเสนอกฎหมายนี้ผมขอทั้ง 141 เสียง ของพรรค พท.เข้าเสนอชื่อ ผลักดันกฎหมายนี้สำเร็จ และจะขอพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ช่วยด้วย” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายสรยุทธถามว่า แต่พรรคที่เอามาร่วมรัฐบาล เขาอาจจะไม่อยากให้ทำ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ผมไม่สน แต่พรรค พท.ต้องทำ เชื่อว่าพรรค พท.จะไม่ทิ้งสิ่งเหล่านี้ ผมเชื่อในหัวใจของนายเศรษฐา ทวีสิน ผมเชื่อในหัวใจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ผมเชื่อหัวใจคนหลายคนในนั้น
นายสรยุทธถามว่า เข้าใจการตัดสินใจของพรรค พท.หรือไม่ ที่บอกว่าเพราะรัฐธรรมนูญ หรือ ม.272 และเป็นเพราะเราไม่แลนด์สไลด์ เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เข้าใจ หลักใหญ่ใจความมันคือเรื่องกติกาที่เขาเขียนไว้ เพื่อจะสกัดอำนาจของประชาชนจากการเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด ดังนั้น เมื่อกติกาเป็นข้อจำกัด มาถึงพรรค พท.ต้องตัดสินใจ ผมเข้าใจ แต่ไปด้วยไม่ได้
นายสรยุทธถามว่า แยกตลอดไป หรืออีก 2-4 ปี ถ้ามีเลือกตั้งอีก จะมาช่วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่าผมโดนตัดสิทธิทางการเมือง 7 ปี ผมคิดว่าผมอาจจะหยุดการเมืองเลยด้วยซ้ำ คนเก่งๆ คนใหม่ๆ มีอยู่มาก
นายสรยุทธถามว่า ไม่รู้สึกว่าพรรคพวกใน พรรค พท.หักหลังหรือ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ ผมไม่มีทางพูดถึงพวกเขาเหล่านั้น ไม่ว่าผมจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม แต่มันอยู่ในใจผม เข้าใจและเอาใจช่วยให้เดินไปข้างหน้า ผมส่งตรงนี้ ส่วนตัวผมเป็นห่วงนายเศรษฐา ผมอยากยืนเป็นเพื่อนนายเศรษฐาจนถึงวันที่มั่นใจว่าได้รับการโหวตเป็นนายกฯแล้ว
นายสรยุทธถามว่า นายเศรษฐาเคยชื่นชมคุณนะ ว่าเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวสูง เข้าใจการเมือง ช่วยหาเสียงตลอด 3 เดือน แสดงว่าผูกพันกันมาก เพราะทำให้นายเศรษฐาตัดสินใจผันตัวจากนักธุรกิจ เป็นนักการเมือง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ครับ กับคุณอุ๊งอิ๊งก็เหมือนกัน ผมก็รักแก และผมพยายามสุดความสามารถ ที่พยายามให้พรรคบรรลุเป้าหมาย
นายสรยุทธถามว่า พรรค พท.แพ้เลือกตั้ง ถือเป็นผิดความคาดหมายมาก ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นใครเขาก็พูดว่าเขาเอาลุง คุณไม่เชื่อหรือ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ผมเชื่อในความคิดของผมว่า พรรค พท.และพรรค ก.ก.ต้องพยายามร่วมกันเพื่อหาทางออก เพื่อข้ามพ้นข้อจำกัดของกติกาแบบนี้ไปให้ได้
“สำหรับผม ผมเชื่อโดยสิ้นข้อสงสัยว่า พรรค ก.ก.เป็นรัฐบาลไม่ได้ ไม่ใช่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่เป็นรัฐบาลไม่ได้ ด้วยเครือข่ายอำนาจฝ่ายอนุรักษนิยมเขาสกัด ขัดขวางทุกอย่าง และผมเคยโพสต์เฟซบุ๊กว่า รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยที่จะตั้งสำเร็จได้ พรรค พท.ต้องเป็นคนตั้ง และเมื่อมาถึงจุดที่ไม่สามารถตั้งได้ ผมจึงตัดสินใจ เพราะมันอยู่นอกเหนือจากสิ่งที่ผมทำมาตลอดชีวิต” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายสรยุทธถามว่า เคยบอกผู้บริหารพรรค หรือไม่ว่ารอ 10 เดือน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไป 10 เดือน ผมว่ายืนไม่ถึง รัก 10 ล้อ รอ 10 โมงได้ แต่ถ้ารอ 10 เดือน อีกฝ่ายหนึ่งเขาจะไม่รอ เขาจะเล่นงานขั้วพรรคร่วมระส่ำระสาย บอบช้ำ อาจจะมีการยุบพรรคการเมือง เมื่อยุบพรรคแล้วตั้งพรรคใหม่ ส.ส.อาจจะตามไปไม่ครบ อาจจะมีงูเห่า ของจริงกับของปลอมปนกันอยู่ทุกพรรค ในพรรค พท.ก็มี และพรรค ก.ก.ก็มี ที่พร้อมที่โดนตกไปได้ ในช่วงเวลา 10 เดือน ไม่ใช่เวลาที่อีกฝ่ายซอยเท้ารออยู่กับที่ มันคือสถานการณ์สู้รบ เพราะเขาขาดแค่ 60 เสียง ถ้าเขาหาได้ครบ 250 เสียง เขาพร้อมตั้งรัฐบาล
นายสรยุทธถามว่า ไม่เห็นด้วย แต่ไม่หันกลับไปด่า? นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ครับ หันมาตีพี่ตีน้องมันไม่ใช่วิถีผม
นายสรยุทธถามว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรค พท.ไม่สง่างาม นายณัฐวุฒิกล่าวว่ารัฐบาลนี้ไม่สง่างาม ถูกต้อง แต่ว่า เมื่อมากับเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นว่าจะมาทำงานแก้ไขปัญหา ต้องให้เขาพิสูจน์ตัวเอง และให้เขารับผิดชอบต่อประชาชน ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ผมว่าคราวนี้หมดหน้าตัก พังเป็นพัง แต่คนจะตัดสินคือประชาชนในการเลือกตั้ง
นายสรยุทธถามว่า ไม่คิดว่า พรรค พท.โดนหลอกหรือ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ให้เวลาเป็นตัวอธิบายดีกว่า
นายสรยุทธถามว่า ภาพของ น.ส.แพทองธาร ที่บอกว่าปิดสวิตช์ 3 ป. ปิดสวิตช์ ส.ว. ถูกเอาเย้ยหยัน ไม่เจ็บปวดแทนหรือ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เจ็บสิ เพียงแต่ว่านี่คือสิ่งที่คนผู้ประกาศตัวลงสนามการเมือง เมื่อเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ ต้องพิสูจน์ตัวเอง และรับการตัดสินใจของประชาชนต่อไป คนส่วนใหญ่จะตัดสินใจอย่างไร พรรค พท.ปฏิเสธไม่ได้ ต้องยอมรับ และรับผิดชอบกับมัน
นายสรยุทธถามว่า มั่นใจว่านายเศรษฐาได้ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ผู้ใหญ่ คนสำคัญในพรรค ยืนยันว่าจะได้แน่นอน และจากที่ติดต่อ ส.ว.ที่พอรู้จัก มีสายสัมพันธ์ กลุ่มนั้นยืนยันว่าจะยกมือให้ ส่วนตัวผม ผมว่าปลอดภัยแล้ว เชื่อแบบนั้น จึงตัดสินใจที่จะจากออกมา แต่ความเป็นเพื่อนยังอยู่
“ส่วนในอนาคตจะไปช่วยหาเสียงให้พรรค พท.เหมือนเดิม หรือจะย้ายไปอยู่พรรค ก.ก.หรือไม่ ผมยังไม่ได้คิดเลย ตอนนั้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะทำพรรคตอนแรก ก็มาหาผมเหมือนกัน ตั้งแต่ที่ยังไม่มีชื่อพรรคอนาคตใหม่ด้วย แต่ตอนนั้น พรรค พท.โดนปฏิวัติอยู่ จะให้ผมเดินออกจากบ้านทั้งที่เขาโดนปฏิวัติอยู่ มันก็ไม่ใช่ผม วิถีคนไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ คุณต้องซื่อสัตย์ต่อมิตรภาพ” นายณัฐวุฒิกล่าว