หุ้น การลงทุน

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดเพิ่ม 106.84 จุด ตลาดซื้อขายผันผวน

The Bangkok Insight
อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • The Bangkok Insight

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (8 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ "ดาวโจนส์" เพิ่มขึ้น 106.84 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังมีรายงานว่าโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อให้เขามีอำนาจในการใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,635.20 จุด เพิ่มขึ้น 106.84 จุด หรือ +0.25% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 5,918.25 จุด เพิ่มขึ้น 9.22 จุด หรือ +0.16% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 19,478.88 จุด ลดลง 10.80 จุด หรือ -0.06%

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดาวโจนส์

บรรยากาศการซื้อขายในระหว่างวันถูกกดดันจากรายงานของซีเอ็นเอ็นว่า หลังการสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 มกราคมนี้ นายทรัมป์อาจใช้คำสั่งประธานาธิบดีตามกฎหมายอำนาจฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (IEEPA) เพื่อประกาศใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษี โดย IEEPA จะให้อำนาจประธานาธิบดีในการควบคุมการนำเข้าสินค้าในยามที่สหรัฐประสบวิกฤติ

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 17-18 ธันวาคม โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และเจ้าหน้าที่เฟดเตรียมรับมือกับผลกระทบจากนโยบายต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมาจากคณะบริหารของทรัมป์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 มกราคม

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น 0.53% ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.74%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (9 ม.ค.) เพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X: https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx

ดูข่าวต้นฉบับ