รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวความคืบหน้าในการนำโรงแรมมาใช้เป็นโรงพยาบาลสนามว่าได้จัดเตียงรองรับผู้ติดเชื้อที่จะเพิ่มมากขึ้น ภายใต้ความร่วมมือกับสถานพยาบาลทุกสังกัดได้หารือร่วมกันและเสนอแนวทางหนึ่งในการบริหารจัดการเตียง รองรับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 80 % ของผู้ติดเชื้อ โดยการประสานโรงแรมที่มีความพร้อมและผ่านการประเมินตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาเป็นสถานพยาบาลพิเศษ สำหรับให้ผู้ติดเชื้อเข้าพักฟื้นหลังจากเข้ารับการดูแลในโรงพยาบาลหลักครบ 7 วันแล้วแพทย์ประเมินว่ามีอาการน้อย ซึ่งมีผู้ประกอบการโรงแรมสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก แต่การจะอนุญาตโรงแรมใดจะต้องผ่านประเมินมาตรฐานและการอนุมัติเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ที่จะมาดูแลจากกรมการแพทย์ก่อน โดยในพื้นที่กทม.มีโรงแรมที่มีความพร้อมและผ่านการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐานแล้ว 2 แห่ง ได้แก่
1.โรงแรมปริ๊นซ์ตัน มีห้อง 270 ห้อง รับผู้ติดเชื้อมาดูแลแล้ว 50 ราย
2.โรงแรมเดอะพาลาสโซ เครือโรงแรมดิเอมเมอรัล มีห้องราว 430 ห้อง
คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีผู้ป่วยเข้าพักฟื้นที่โรงแรมนี้ รวมแล้วในพื้นที่กรุงเทพฯ มีห้องรองรับ 700-800 ห้อง เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่ามีเตียงพักเพียงพอในการดูแลผู้ติดเชื้อ
นอกจากนี้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพยังบอกหลักเกณฑ์การประเมินโรงแรมมาเป็นโรงพยาบาลสนามว่า จะต้องผ่านเกณฑ์ทั่วไป 2 ข้อในเบื้องต้น คือ มีห้องพักมากกว่า 30 ห้อง และมีใบอนุญาตกิจการโรงแรม และเข้ารับประเมินอีก 5 หมวดสำคัญ ได้แก่
1.โครงสร้างอาคารและวิศวกรรม โครงสร้างสมบูรณ์ พื้นห้องพักไม่เป็นพรหม ระบบปรับอากาศแยกส่วนไม่เป็นระบบท่อส่งลมร่วมกัน มีระบบโทรศัพท์สื่อสาร เป็นต้น
2.บุคลากร จะต้องมีพนักงานเหมือนโรงแรม โดยผ่านการอบรมก่อน เช่น เจ้าหน้าที่ส่งอาหาร เจ้าหน้าที่ทำความสะอาด และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เป็นต้น
3.มีวัสดุอุปกรณ์จำเป็น
4.ยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
5.การจัดการสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับชุมชน เช่น มีระบบการจัดการขยะติดเชื้อ รวมถึงการกำจัดภาชนะบรรจุอาหารติดเชื้อ มีระบบการบำบัดน้ำเสียและความเป็นระบบปิด มีการเติมคลอรีนก่อนปล่อยสู่สาธารณะ มีระบบกำจัดสิ่งปฏิกูลและมีระบบท่อน้ำทิ้งที่ได้มาตรฐาน มีระบบการจัดการซักล้างผ้าติดเชื้อ และมีแนวทางสร้างความเจ้าใจและการยอมรับจากชุมชนโดยรอบ
สำหรับค่าใช้จ่ายนั้น ฮอสพิเทลจะถือเป็นส่วนหนึ่งของสถานพยาบาล และคนที่เข้าพักเป็นผู้ป่วย ค่าใช้จ่ายในการเข้าพักฟื้นที่นี่จึงสามารถเบิกในอัตราเบิกได้จากกองทุนประกันสุขภาพภาครัฐตามสิทธิ์ผู้ป่วยได้ ส่วนโรงแรมที่จะเป็นสถานที่กักตัว กรมมีการจัดทำหลักเกณฑ์มาตรฐานเช่นกันแต่จะไม่เข้มงวดเท่าโรงแรมที่ดูแลผู้ติดเชื้อ โดยจะประสานให้สมาคมโรงแรมนำเกณฑ์นี้ไปประเมินโรงแรมที่จะเข้าร่วมโครงการ จากนั้นกรมจะประกาศรายชื่อในเวบไซต์ เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ว่าโรงแรมแห่งใดผ่านมาตรฐานและสามารถเข้าใช้พักเพื่อกักตัวได้
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
บทความที่น่าสนใจ
จริงหรือไม่ 9 ข้อสงสัยกับโควิด-19
ยืนยันไม่ได้! WHO เผย กลั้นหายใจได้นาน 10 วินาที ไม่เท่ากับไร้โควิด
kruea ในเมื่อสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ นักท่องเที่ยวหดหาย แต่โรงแรมมีค่าใช้จ่ายเท่าเดิม จึงเลี่ยงไม่ได้ ยอมเปิดให้เป็นสถานที่กักตัวสำหรับผู้รอผลโควิด ว่า ติดหรือไม่ติด ยอมรับว่าเจ้าของโรงแรมทั้ง 2 แห่ง ใจดีจริง ๆ เป็นไปได้รัฐบาลต้องจ่ายเงินให้กับ 2 โรงแรมนี้ด้วยนะ ที่ยอมให้แปลงเป็นสถานที่กักตัวสำหรับผู้ป่วยโควิด ทั้ง ๆ ที่ทั้งพนักงานในโรงแรมและเจ้าของเค้าก็กลัวอยู่เหมือนกัน
04 เม.ย. 2563 เวลา 14.49 น.
รักชนก สุดยอดเลยคะ
03 เม.ย. 2563 เวลา 15.57 น.
INDy ใกล้บ้าน อยากไปช่วยคุณหมอ เจ้าหน้าที่ด้วยจังคับ
02 เม.ย. 2563 เวลา 14.47 น.
Tee อ่านให้ดีๆ
เขาเบิกเงินจากรัฐนะครับ ไม่ใช่ให้ใช้ฟรี
02 เม.ย. 2563 เวลา 13.58 น.
Miss Napatsaran อยากทราบราคาว่าคิดค่าใช้จ่ายเท่าไรต่อวัน
02 เม.ย. 2563 เวลา 13.52 น.
ดูทั้งหมด