ทั่วไป

การล็อค compartment ในระดับต่าง ๆ จะเคอร์ฟิวทั้งวันทั้งคืนหรือไม่

มติชนสุดสัปดาห์
อัพเดต 06 เม.ย. 2563 เวลา 04.31 น. • เผยแพร่ 06 เม.ย. 2563 เวลา 04.31 น.

ก่อนอื่นขออธิบายศัพท์ภาษาอังกฤษที่จะต้องทนอ่านหน่อย Compartment หมายถึงส่วนย่อยแยกกัน เช่น ในเรือดำน้ำจะมีห้องเล็ก ๆ หรือ compartment เต็มไปหมด น้ำรั่วเข้า compartment ไหนก็จะไม่ไหลไป compartment อื่นง่าย ๆ เพื่อให้เรือจมง่าย

สองสามวันมานี้เมืองไทยเริ่มปิดประเทศ จังหวัดเริ่มปิดไม่ให้คนเข้าออก ผมเรียกมาตรการอันนี้เรียกว่า compartmentalization แปลว่า แบ่งแยกเป็นส่วนย่อย ๆ ไม่ให้เชื่อมโยงกัน คือ ไม่ให้ไทยเชื่อมกับต่างชาติ ไม่ให้จังหวัดหนึ่งเชื่อมกับจังหวัดอื่น ๆ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อประชากรภายในกับภายนอก compartment ไม่ไปมาหาสู่ การไหลของเชื้อจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายก็หยุด

ประเทศไทยอ้างว่าผู้ป่วย COVID-19 มาจากประเทศอื่นเข้ามาแพร่ในประเทศไทย เมื่อตัดขาดการติดต่อก็จะเหลือแต่การระบาดภายในประเทศเท่านั้น

นอกจากไม่นำเข้าแล้วก็จะไม่ส่งออกโรคด้วย จังหวัดภูเก็ต และ ยะลามีการระบาดหนัก คนเดินทางออกไม่ได้ โรคก็ไหลออกไม่ได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่ compartment ระดับประเทศและจังหวัดเป็น compartment ขนาดใหญ่ การไปมาหาสู่ระหว่างคนภายใน compartment ยังมีมาก โรคภายใน compartment ก็ยังระบาดได้ เราจำเป็นต้องคิดถึง compartment ในระดับที่เล็กลง

 

Compartment ระดับที่เล็กที่สุดที่มีคนสัมผัสกันมากที่สุด คือ ครัวเรือน ถ้ามีผู้ป่วยคนหนึ่งอยู่ในครัวเรือน สมาชิกที่เหลือมีโอกาสรับเชื้อได้มาก แต่การระบาดก็จะคงจำกัดในครัวเรือน ไม่ออกไปข้างนอก โรคก็จะสงบเร็วขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ครัวเรือนมีขนาดใหญ่เล็กต่างกัน ครัวเรือนที่มีเพียงสองคนโรคก็กระจายได้ได้ไม่เกินสองคน ครัวเรือนที่มีคน อยู่คนเดียว โรคก็ไม่สามารถแพร่ไปยังคนอื่นได้ ดังนั้นประเทศที่มีขนาดครัวเรือนเล็กอย่างเช่น จีนมีนโยบายลูกคนเดียว เมื่อ compartmentalize ลงระดับครัวเรือนได้ ก็จะระงับการระบาดได้ในเร็ววัน

ยังไม่มีจังหวัดใดในประเทศไทยล็อคในระดับที่ต่ำกว่าจังหวัดเลย สมัยที่ซาร์สระบาด มีบางหมู่บ้านไม่ให้รถต่างหมู่บ้านเข้าออก แต่ช่วง COVID-19 ระบาด ยังไม่ได้ข่าวว่ามีหมู่บ้านใดปิดตัวเอง คงจะเป็นเพราะคนไทยในชนบทสมัยนั้นกลัวซาร์สมากกว่าคนไทยสมัยนี้กลัว COVID-19 เลยไม่จำกัด compartment ของตน รอแต่ให้รัฐบาลจัด

 

การออกกฎหมายเคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้านยามค่ำคืนมีผล compartmentalization น้อย เพราะการติดต่อสัมผัสส่วนใหญ่เกิดขึ้นกลางวัน ถ้าเคอร์ฟิวทั้งกลางวันกลางคืนนั่นแหละจึงจะเป็น complete compartmentalization ระดับครัวเรือนจริงจัง

ถึงเวลาที่จะต้องเคอร์ฟิวทั้งกลางวันและกลางคืนหรือยัง ผมเดาว่ารัฐบาลคงเห็นแล้วว่าวิธีการอย่างเมกาและยุโรปน่าจะไปไม่รอด เพียงแต่ตอนนี้ซื้อเวลารอดูว่าเมื่อปิดประเทศและปิดจังหวัดส่วนใหญ่ไปแล้วการติดเชื้อใหม่จะลดอย่างน่าพอใจหรือไม่ภายในอีก 7-10 วัน ข้างหน้าครับ

ผมเดาว่าจะจำนวนผู้ป่วยรายใหม่จะลดลงแต่ช้า ๆ ไม่ทันใจ จนในที่สุด รัฐบาลน่าจะไม่เลือกแนวทางเกาหลีซึ่งระดมแต่เพียงตรวจแยกโรคไม่ compartmentalize ปล่อยให้คนยังมีชีวิตเศรษฐกิจได้เป็นปรกติเป็นส่วนใหญ่ รัฐบาลน่าจะเห็นว่าคนไทยเราไม่มีวินัยเท่าเกาหลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ พวกลูกหลานขงจื๊อ รัฐบาลคงต้องเพิ่มโด้สยาคีโมถล่มมะเร็ง เดินหน้าเคอร์ฟิวทั้งวันทั้งคืนไปอย่างน้อย 7-10 วันให้มันรู้แล้วรู้รอดไป หวังว่า ultra-compartmentalization จะทำให้การแพร่โรคหยุดลง แล้วจึงค่อย ๆ ผ่อนให้ออกจากบ้าน ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้แบบที่จีนทำ หวังว่าจีนจะฟื้นได้ และเราจะฟื้นตามครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 3
  • Patchanee Taraseina
    ขอแสดงความเห็นใจ และ ขอส่งความห่วงใยด้วยหัวใจจริง มายัง บุคลากรทางการแพทย์ และผู้เกี่ยวข้องทุกๆ ท่าน ทุกๆ ฝ่าย เพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ทุกท่าน ขอให้ ปลอดภัย จากวิกฤติโรคร้ายครั้งนี้ ไปด้วยดีไปด้วยกัน นะคะ
    06 เม.ย. 2563 เวลา 08.58 น.
  • TR&KAI
    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ยอมเจ็บแต่จบ ดีกว่ายืดเยื้อยิ่งเจ็บและยิ่งบอบช้ำค่ะ
    06 เม.ย. 2563 เวลา 07.12 น.
  • pensiri
    พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลค่ะ จะทำทุกอย่างให้หยุดเชื้อโรคร้ายได้ แต่บอกล่วงหน้านิดเพื่อให้ปชช เตรีนมความพร้อมนะคะ
    06 เม.ย. 2563 เวลา 06.32 น.
ดูทั้งหมด