คลังพร้อมออกมาตรการกระตุ้น ชุด 3 รับมือโควิด มั่นใจถังไม่แตก-ไม่ต้องกู้ไอเอ็มเอฟ
วันนี้ (30 มี.ค.) นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของ ชุดมาตรการเยียวยาและดูแลระบบเศรษฐกิจที่สืบเนื่องจากวิกฤติผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ระยะที่ 3 ซึ่งจะเป็นชุดมาตรการชุดใหญ่ที่สุด ซึ่งจะครอบคลุมทุกส่วน ทั้งประชาชน ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายกลางและรายย่อย และระบบการเงิน การลงทุน ซึ่งจะรวมถึงสถาบันการเงิน การลงทุนในตลาดทุน และหุ้นกู้ เป็นต้น
ทั้งนี้ ชุดมาตรการระยะที่ 3 นี้ จะจะออกมานี้จะครอบคลุมทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ ส่วนงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการยังบอกไม่ได้ว่าเท่าไหร่ เพราะยังอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการ แต่ยืนยันว่าจะใหญ่กว่า 2 ชุดมาตรการที่เคยออกมาก่อนหน้านี้รวมกัน โดยคาดว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เร็วที่สุด
“ชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 นี้ จะมีขนาดที่เหมาะสม และมีความจำเป็นสำหรับดูแลเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ ทั้งการดูแลเยียวยาประชาชน ดูแลเยียวยาและสนับสนุนผู้ประกอบการ ดูแลระบบการเงินการลงทุนทั้งหมด ถือเป็นชุดมาตรการใหญ่ที่เตรียมจะออกมา ซึ่งจะมีมาตรการเป็นส่วน ๆ อยู่ภายใต้ชุดมาตรการดังกล่าวว่าแต่ละเรื่องจะดูแลอะไร อย่างไรบ้าง ตรงนี้ถือเป็นงานเร่งด่วนของกระทรวงการคลัง” นายอุตตม กล่าว
นายอุตตม กล่าวว่า ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลจำเป็นต้องเร่งออกมาตรการเพื่อดูแลถึง 2 ชุด เพราะรัฐบาลต้องการดูแลช่วยเหลือ เยียวยา และประคับประคองเศรษฐกิจตั้งแต่ระยะต้นของการแพร่ระบาด และยังมีความจำเป็นต้องออกมาตรการออกมาเพิ่มเติม
ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดนี้จะไม่ทำให้รัฐบาลถังแตกแน่นอน เพราะการจัดสรรงบประมาณสำหรับชุดมาตรการดูแลเศรษฐกิจทั้งที่ได้ออกมาแล้วและกำลังจะออกมาในอนาคต สำนักงบประมาณได้มีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบและรัดกุม
“ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีถังแตกแน่นอน และยืนยันอีกเรื่องว่าไม่มีแน่นอนที่รัฐบาลจะกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ไม่มีเรื่องนี้เช่นกัน รัฐบาลมั่นใจว่าสามารถหาแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ทั้งจากงบประมาณและเงินส่วนอื่นที่จะเข้ามาเสริม ซึ่งยังมีเพียงพอ ไม่ต้องกู้ไอเอ็มเอฟ ไม่ได้ถังแตก
ทุกอย่างมีการพิจารณาอย่างรัดกุม และดูให้สอดคล้องกันทั้งหมด โดยยืนยันว่าปัจจุบันรัฐบาลดำเนินการตามกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ทำให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลยังมีกำลังที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดต่อไปได้อย่างแน่นอน” นายอุตตม กล่าว
ส่วนการกู้เงินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน นั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาทางเลือกทั้งหมด ขณะที่กรณีที่มีการเสนอให้มีการใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อใช้ในการดูแลระบบเศรษฐกิจนั้น
รมว.คลัง ระบุว่า ยังไม่อยากให้คิดว่าจะต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อมาทดแทนอีกอย่างหนึ่ง เพราะตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดูทางเลือก โดยเฉพาะสำนักงบประมาณที่มีการประสานงานกับกระทรวงการคลังอย่างใกล้ชิด ว่าจะใช้งบประมาณส่วนใดในการจัดการวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นครั้งนี้ได้บ้าง ดังนั้นจึงไม่มีการโยกงบประมาณเพื่อมาทดแทนส่วนที่ต้องทำตอนนี้
สำหรับข้อเสนอของธุรกิจการบินในการขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) เพื่อใช้ในการดูแลสภาพคล่องในการทำธุรกิจนั้น สามารถเข้ามาใช้ซอฟท์โลน วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งธนาคารออมสินได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลได้ออกมาเพื่อช่วยดูแลภาคธุรกิจในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ดี ยังบอกไม่ได้ว่าภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจจริง (จีดีพี) ในปีนี้ จะไปจบที่ไหน เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเดินต่อไปถึงไหน หรือว่าจะจบยังไง ผลกระทบจะไปถึงไหน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีแน่นอน
ส่วนตัวเลขจีดีพีที่ ธปท. ได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวติดลบ 5.3% นั้น เป็นเรื่องที่สะท้อนว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้มีความซีเรียส รุนแรง รัฐบาลอยากให้ทุกส่วนมองภาพเศรษฐกิจขณะนี้ให้ลึกลงไปว่าสิ่งที่เกิดตอนนี้ไม่ใช่ความผิดใคร การเยียวยา ดูแล บรรเทา ประคอง รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น และประเทศไทยมีความพร้อมจากมาตรการที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ทันที
Tomvorapot ขอสอนท่านนายกนิดนึง...
ถ้าท่านลองไปดูทุนสำรองระหว่างประเทศเรา จะเห็นว่ามีราว 2 แสนล้านดอลลาร์
และถ้าลองไปดูทุนสำรองของ IMF จะเห็นมีราว 6 แสนล้านดอลลาร์
อาจดูมาก แต่เป็นวงเงินนี้ต้องแบ่งใช้กันในเกือบๆ 200 ประเทศทั่วโลก
ในขณะที่เราประเทศเดียวมีทุนสำรองสูงถึง 1/3 ที่ IMF มี
ถ้าทดอัตราส่วนแล้ว IMF มีกำลังน้อยกว่าเรามาก
สรุป ไม่รู้ว่าใครต้องช่วยใคร ไร้สาระที่สุด...
ทางออกของเราคือต้องขยายเพดาน public debt จาก 42 ไปเป็น 50%ของ gdp หรือสัก 1ล้านๆ ผ่าน พรก. ลงฐานราก
เอาใจช่วยประเทศไทยนะครับ...
30 มี.ค. 2563 เวลา 10.19 น.
มรึงเอาไอ้ 5,000 แรกออกมาให้ได้ก่อนเถอะ
30 มี.ค. 2563 เวลา 11.09 น.
พวกเราประชาชนต้องการมาตรฐานกับความสามารถครับไม่ใช่เงินแจกอย่างเดียวเลย
30 มี.ค. 2563 เวลา 10.23 น.
premanan silata ไอ้พวกที่ด่าไม่ให้แจกเงินนั้น มันเป็นพวกอมนุษย์
สมมุติว่าพ่อแม่มันจะอดตายเพราะไม่มีเงิน มันจะช่วย
เหลือหรือไม่ มันจะอ้างว่าต้องเก็บเงินสำรองไว้ใช้ไหม
ประชาชนคนไทยเมื่อตกทุกข์ได้ยาก รัฐบาลเขาต้องช่วยเหลือ
ก่อน ไม่ใช้คิดเก็บเงินเหมือนไอ้พวกอมุนษย์ไร้ความคิด
30 มี.ค. 2563 เวลา 11.16 น.
Tham มึง กล้าบอกมั้ย.. เจ้าหน้าที่ มึง ไม่เอา ญาติ มารับ
30 มี.ค. 2563 เวลา 11.54 น.
ดูทั้งหมด