ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

Netizen เผยเม็ดเงินดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสะพัด5.4แสนลบ.ใน3ปี

คมชัดลึกออนไลน์
อัพเดต 02 ม.ค. 2563 เวลา 08.18 น. • เผยแพร่ 02 ม.ค. 2563 เวลา 08.13 น.

Netizen ที่ปรึกษาด้านการวางระบบ ERP เผยตัวเลขงบลงทุนด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นทุกอุตสาหกรรมในไทย เติบโตก้าวกระโดด คาดภายในปี 2562 - 2565 เพิ่มขึ้น 19.42% แต่มีองค์กรที่ทรานส์ฟอร์มตัวเองสำเร็จเพียง 20% ส่งผลเกิดเม็ดเงินลงทุนที่สูญเปล่าถึง 80% ล่าสุดประกาศนโยบายลดการสูญเสีย 100% ตั้งเป้าหมายนำพาลูกค้าก้าวสู่ยุคดิจิทัลให้สำเร็จทุกราย ล่าสุดประกาศความสำเร็จร่วมกับ ไทยเคเค อุตสาหกรรม กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ระดับอาเซียน Go Live ระบบ ERP ด้วย Netizen Arabica แบบ Full Function ขึ้นสู่รูปแบบคลาวด์ ช่วยในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังและการขนส่ง ด้วยข้อมูลที่มีคุณภาพเชิงลึก ครอบคลุมทุกขั้นตอนและกระบวนการทำงาน สามารถติดตามสถานะการดำเนินงานได้แบบ Real-time

นายกฤษดา สาธุกิจชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) เปิดเผยว่า ปัจจุบันองค์กรในทุกอุตสาหกรรมมุ่งทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่นเพื่อยกระดับการแข่งขันให้กับธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายด้านไอทีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยคาดว่าภายในปี 2562 - 2565 อัตราการเพิ่มขึ้นจะมีถึง 19.42% ตามที่ข้อมูลจากไอดีซีระบุว่า ในปีนี้จะมีมูลค่า 4.52 แสนล้านบาท เมื่อถึงปี 2563 จะเพิ่มไปถึง 4.89 แสนล้านบาท

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จากนั้นในปี 2564 จะมีมูลค่า 5.16 แสนล้านบาท และปี 2565 ประมาณ 5.40 แสนล้านบาท ซึ่งในมูลค่าที่กล่าวมาเป็นการลงทุนด้านการวางระบบเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยสามารถรองรับแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่เป็นสัดส่วน 60% แต่การลงทุนด้านดังกล่าวกับประสบปัญหาไม่สามารถนำระบบขึ้นมาใช้งานกับธุรกิจได้จริงมากกว่า 80% เนื่องการการออกแบบระบบขาดความยืดหยุ่นกับธุรกิจและการใช้งานยากจนเกินไป

จากปัญหาดังกล่าวเนทติเซนท์ในฐานะที่ปรึกษาด้านการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ (ERP)จึงได้ตั้งเป้าว่าจะไม่ทำให้เกิดความสูญเสียดังกล่าวเกิดขึ้นกับลูกค้า 100% เพื่อช่วยลดการสูญเสียที่มีมูลค่ามหาศาลต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเนทติเซนท์ได้แก้ปัญหาด้วยการนำระบบซอฟท์แวร์สำเร็จรูปมาต่อยอดปรับให้เข้ากับองค์กรของไทย เพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง ดังเช่นเมื่อเร็วๆนี้ เนทติเซนท์ ได้ทำการ Go Live ระบบ SAP ERP เวอร์ชัน Netizen Arabica ให้กับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ กลุ่มบริษัทไทย เคเค ได้แล้วเสร็จด้วยตามเป้าหมายด้วยระยะเวลาเพียง 8 เดือน

โดยสามารถสร้างสถิติผู้ใช้งานสูงสุด 150 Users นับว่ามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการใช้งานระบบ แบบ Full Package โดยระบบช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัท ไทย เคเค สามารถขยายสาขาเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย และประเทศเวียดนามสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมมุ่งหน้าเข้าสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต ด้วยระบบการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสุงสุด

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ