“ไม่เรียกร้องสิ่งที่ไม่มีในขณะนั้น และหาทางสนุกไปกับสิ่งที่มีในขณะนี้” – ต้องการ
เป็นอีกหนึ่งวันที่โลกของศิลปะ พู่กัน ผืนผ้าใบ และ ‘สีจากธรรมชาติ’ ถูกย้อมให้ซีดลง เมื่อ ต้องการ-วลัยกร สมรรถกร เจ้าของหนังสือ ความสุขของมะลิ, Slow Book, บทสนทนาระหว่างฉันกับเธอและนักวาดภาพประกอบเรื่อง ความสุขของกะทิและภาพประกอบอื่นๆ อีกมากมาย ได้จากโลกนี้ไปในช่วงเช้าของวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562
เหลือไว้เพียงลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ ตัวละครเด็กสาวที่ดูแล้วอบอุ่น มองแล้วสบายตาด้วยสีสันจากดอกไม้และพืชพันธุ์นานาชนิด ที่ต้องการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองในฐานะ ‘นักวาดภาพออร์แกนิก’ มาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี
ต้องการเป็นเด็กสาวที่หลงใหลในการวาดภาพมาตั้งแต่เด็ก แต่เลือกเรียนสายวิทย์ในช่วงมัธยมปลาย เพราะคิดว่าเด็กที่เรียนสายวิทย์เก่งกว่าเด็กสายศิลป์ แต่สุดท้ายด้วยหัวใจ ตัวตน และความชอบที่ไม่อาจปฏิเสธ เธอก็เลือกเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาตกแต่งภายใน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
แต่ลึกๆ แล้วต้องการก็ยังรู้ดีว่าการได้นั่งวาดภาพที่เริ่มต้น จบงานด้วยตัวเอง คือสิ่งที่เธอรักและมีความสุขมากที่สุด เธอยังคงวาดรูปทุกวัน และเล่าเรื่องวันหยุดสบายๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเป็นหนังสือทำมือเล่มเล็กๆ ชื่อ A Sundayที่ทำให้ โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ชวนต้องการให้วาดการ์ตูนเงียบเล่าเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวด้วยสีน้ำในคอลัมน์ Going Places (ภายหลังเปลี่ยนเป็นคอลัมน์ Going with the Flow เมื่อเธอเปลี่ยนมาใช้สีออร์แกนิกแทน) ในนิตยสาร a day
ต้องการเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะงานวาดภาพประกอบให้กับนวนิยาย ความสุขของกะทิของ งามพรรณ เวชชาชีวะ ที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ในปี 2549
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ การใช้สีโทนดำ สีม่วง สีน้ำเงิน สร้างตัวละครเด็กหญิงกะทิที่คนอ่านไม่มีโอกาสเห็นหน้า แต่สามารถจินตนาการ รับรู้เรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึกทั้งสุขและเศร้าได้ราวกับว่า ‘ความสุขของต้องการ’ เป็นส่วนเดียวกันกับ ‘ความสุขของกะทิ’ ด้วยจริงๆ
จุดเปลี่ยนสำคัญคืออาการป่วยโรคมะเร็งผิวหนังที่ทำให้ต้องการตระหนักถึงปัญหาสำคัญว่าการเป็นนักวาดภาพที่เธอรักกับสารเคมีและสารพิษต่างๆ นั้นอยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลามากเกินไป
โชคดีที่เธอรู้เร็ว เนื้อร้ายยังไม่ลุกลาม และผ่าตัดออกได้ทันท่วงที ประกอบกับได้เข้าคอร์สธรรมชาติบำบัด ทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงานใหม่ด้วยการนำเงินเก็บทั้งชีวิตซื้อที่ดินประมาณ 5 ไร่ ปลูกบ้านอยู่กับแม่และแมวที่ชื่อมะลิอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ปลูกผัก กินอาหารออร์แกนิก ใช้ของที่ปลอดสารเคมี และค่อยๆ พัฒนาการสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยสีจากธรรมชาติแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
เริ่มต้นจากมองเห็นสีฟ้าจากการทำชาดอกอัญชัน ดอกกรรณิการ์แถวบ้านที่ให้สีส้ม ไปจนถึงสีแดงของพริกฝรั่งที่แม่ปลูกเอาไว้รอบบ้าน ฯลฯ ต้องการนำทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวมาฉีก บด ผสมน้ำ และทดลองวิธีการสกัดสีหลายอย่างจนค้นพบว่าสีทุกอย่างหาได้จากต้นไม้ดอกไม้ในบริเวณบ้าน ทำให้เธอตัดสินใจ ‘ปิด’ กล่องสีน้ำและสร้างงานจากสีธรรมชาติแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน
อาจฟังดูยุ่งยากหากลำดับขั้นตอนทั้งหมด ซึ่งต้องการก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนั้น เพียงแต่อีกด้านหนึ่งเธอมองเห็น ‘ความสนุก’ ในการปรับตัว ในการทดลอง ในการทำความเข้าใจและศึกษาชีวิตผ่านสีสัน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของธรรมชาติ เหมือนที่เธอเคยเขียนเอาไว้ในหนังสือ Organic 101 เมื่อ 4 ปีก่อนว่า
“ถ้าอยากเข้าใจออร์แกนิก ก่อนอื่นต้องเข้าใจและทำความรู้จักฤดูกาลก่อน ทำความเข้าใจว่าโลกนี้มีฤดูต่างๆ ยอมรับสิ่งที่มีและไม่มีในฤดูกาลนั้นๆ ปรับตัวตามฤดูกาล ไม่มีฤดูไหนอยู่ไปตลอด ต้องมีฤดูอื่นผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมา และเมื่อฤดูของสิ่งนี้หายไป มันจะกลับมาใหม่เมื่อถึงเวลา
“ไม่เรียกร้องสิ่งที่ไม่มีในขณะนั้น และหาทางสนุกไปกับสิ่งที่มีในขณะนี้ ถ้าเข้าใจฤดูกาล ก็ง่ายที่จะใช้ชีวิต…แบบออร์แกนิก”
แล้วต้องการก็ยืนยันในความเชื่อแบบนั้นมาตลอด เธอยังคงวาดรูปอย่างมีความสุข สนุกสนานกับการปลูกผัก ปรุงอาหารจากธรรมชาติ แบ่งปันแนวคิดการใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ รวมทั้งการเปิด ‘ตลาดนิดนิด’ (Niche Niche Weekend) ที่ศิลปินมาขายงานคราฟต์ และเกษตรกรมาขายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกได้โดยไม่คิดค่าเช่าที่
แม้ในช่วงที่เริ่มป่วยจากอาการปวดเนื่องจากปัญหาที่เส้นเอ็นเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน ต้องการก็ยังทำหน้าที่เป็น ‘แม่ค้าเกษตรกร’ ช่วยเพื่อนบ้านขายน้อยหน่าและผลิตผลออร์แกนิกอย่างสนุกสนาน ยังมีความสุขเวลาได้กินอาหารออร์แกนิก มีเวลาอยู่กับครอบครัวและแมวที่เธอรัก และยังหาเวลาออกไปเก็บดอกไม้มาประกอบภาพวาด สร้างงานศิลปะเพื่อส่งต่อความสวยงามและพลังงานดีๆ ให้กับคนอื่นอยู่เสมอ
แม้ว่าสักวันหนึ่ง ‘สีสันจากธรรมชาติ’ บนภาพวาดที่เธอฝากเอาไว้จะค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลา แต่เราเชื่อว่าผลงาน ตัวละคร ตัวตน และแนวคิดการใช้ชีวิตแบบธรรมชาติที่ฝากเอาไว้จะยังคงถูกพูดถึง คิดถึง หยิบขึ้นมาดูซ้ำๆ และอยู่ในหัวใจของใครหลายคนตลอดไป
ถึงแม้วันนี้จะเต็มไปด้วยความเศร้า แต่วันหนึ่งความเศร้าจะค่อยๆ จางหายเหลือเพียงความเข้าใจ อย่างที่เธอเคยพูดเอาไว้ว่า
“ไม่เรียกร้องสิ่งที่ไม่มีในขณะนั้น และหาทางสนุกไปกับสิ่งที่มีในขณะนี้”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
Yutthana แสดงความเสียใจด้วยครับ
21 พ.ย. 2562 เวลา 14.04 น.
เสียใจกับการจากไปของเธอ
21 พ.ย. 2562 เวลา 12.26 น.
คนคุณภาพหายไปจากสังคมอีกคนแล้ว RIP
21 พ.ย. 2562 เวลา 11.55 น.
dang.pongpaibul Rip
21 พ.ย. 2562 เวลา 11.41 น.
ดูทั้งหมด