28 มกราคม 2563 ที่ห้องประชุมเฉลิม พรมมาส อาคาร อปร.โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้จัดบรรยายให้ความรู้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งนิสิตแพทย์ เกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ต่อแนวทางการดูแลผู้ป่วยและป้องกันตนเอง
โดยมี ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก รพ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย , ผศ.(พิเศษ) พญ.เลลานี ไพฑูรย์พงษ์ ผช.ผอ.ด้านชีวอนามัย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ , พญ.วรรษมน จันทรเบญจกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ จะดูแลในส่วนของมาตรการโรงพยาบาลที่จะดูแลคนไข้
โดยเมื่อเริ่มการบรรยายในส่วนแรกเกี่ยวกับการอัพเดทสถานการณ์และอาการต่างๆ ของคนไข้ที่ป่วย ที่เปิดให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปรับฟังได้ "ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ" หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก รพ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย ได้กล่าวถึงลักษณะปัจจุบันของสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ว่า 1.การระบาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะเป็นธรรมชาติของการระบาด โดยถ้าขึ้นสูงสุดแล้วก็จะลง ดังนั้นควรติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดว่าแนวโน้มจะลดลงเมื่อใด
2.อัตราการป่วย-ตาย ตอนนี้การตายโรคนี้อยู่ที่ประมาณ 3% โดยเราอาจจะเห็นเคสที่เป็นเยอะ แต่จำนวนที่เสียชีวิตไม่ได้เยอะเมื่อเทียบกับโรคอื่นที่เรารู้จักกันเช่นซาร์ส (SARS) ที่ระบาดเมื่อปี ค.ศ. 2002-2003 และจบไป อัตราการเสียชีวิต 10% (จากสัตว์มาสู่คน โดยค้างคาว มาที่อีเห็น มาสู่คน) ที่ไม่ระบาดแล้วเพราะรู้ว่าต้นตออยู่ที่ไหนแล้วลดการสัมผัสของคนที่จะสัมผัสสัตว์ตัวกลาง และเอาคนที่ป่วยที่จะแพร่เชื้อได้มากักกันไม่ให้แพร่กระจายเชื้อ หรือเมอร์ส (MERS) ระบาดตั้งแต่ปี 2012-ปัจจุบัน อัตราการเสียชีวิต 30% ยังมีอยู่แต่เคสไม่เยอะมาก เช่นในซาอุดิอาระเบีย และที่ระบาดอยู่เพราะยังควบคุมสัตว์นำโรคไม่ได้จึงยังต้องเฝ้าระวัง MERS อยู่
เท่าที่ข้อมูลในปัจจุบันที่ตามอยู่โคโรน่าไวรัส คือติดง่าย ตายไม่เยอะ โดยจะเหมือนหวัดที่ถ้าเราไม่ระวัง ไปจับอะไรที่มีอาการมาสัมผัสเราก็จะติดง่ายส่วนความเสี่ยงของการเสียชีวิต กลุ่มที่เสี่ยงมากคือในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว 3.การติดต่อผ่านทางระบบทางเดินหายใจและสัมผัสสารคัดหลั่งของร่างกาย ดังนั้นต้องระวังเรื่องไอ-จาม การสัมผัสสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ที่มีอาการ 4.การป้องกันทำได้โดยการใส่หน้ากากอนามัยและทำความสะอาดมืออย่างสม่ำเสมอ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก WHO ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำ
ขณะที่ "ผศ.นพ.โอภาส" หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก อธิบายลักษณะของการระบาดว่า จุดที่มีเรื่องขึ้นมา คือที่เมืองอู่ฮั่น ในประเทศจีน โดยมีการรายงานเข้าไป WHO ว่ามีคนไข้ที่ป่วยอาการปอดอักเสบหลายคนคล้ายๆกัน ตั้งแต่ปานกลาง ถึงรุนแรง ซึ่งช่วงเวลาคือประมาณเดือน ธ.ค.62 ที่สังเกตว่ามีผู้ป่วยอาการปอดอักเสบคล้ายๆ กันแต่ขณะนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นเชื้ออะไร โดยทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาสั้นๆ เพียง 1 เดือน
จากนั้นมีการเก็บเคสเพื่อพยายามหาเชื้อกันกระทั่งเกิดมีผู้เสียชีวิตวันที่ 11 และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายตรวจสอบแล้วพบเป็นเชื้อโคโรน่าไวรัสจึงประกาศออกมา กระทั่งมีเคสมาที่เมืองไทยซึ่งพบว่าเป็นคนจีนที่เดินทางเข้ามาแล้วป่วยมีอาการปอดอักเสบจากอู่ฮั่นที่ยืนยันว่าเป็นโคโรน่าไวรัส จนมีเคสสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยที่เปิดเผยจากเมืองจีน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีการตีพิมพ์วารสารทางการแพทย์ 2 ฉบับที่เปิดเผยเกี่ยวกับลักษณะทางเคมีของคนไข้ออกมาให้เห็นว่าโรคนี้จะมีอาการอย่างไรบ้าง และหน้าตาของตัวไวรัส ขณะที่จากข้อมูลเผยแพร่ว่าทุกเคสที่อยู่นอกประเทศจีนคนก็มาจากเมืองอู่ฮั่นที่มีการระบาด โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลของ local transition ที่ผ่านมาการระบาดก็มาจากในประเทศจีน ส่วนที่กระจายไปต่างประเทศก็เพราะมีคนจีนที่มีอาการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเมื่อวานกับวันนี้กระโดดไปอีก หากจะอัพเดทข้อมูลปัจจุบันคงต้องอัพเดทเป็นชั่วโมง
สำหรับลักษณะของโคโรน่าไวรัส ทรงกลมมีหนามๆ ออกมาเหมือนเป็นมงกุฏ หากเทียบแล้วลักษณะคล้ายซาร์ส (SARS) โดยสารพันธุธรรมโคโรน่าไวรัส คล้ายกับ Bat SARS like คือไวรัสโคโรนาที่อยู่ในค้างคาว ที่ระบาดจากสัตว์ไปคน ระยะฝักตัวของโคโรน่าไวรัส 2-14 วัน จึงเป็นที่มาของการสังเกตอาการ
โดย "ผศ.นพ.โอภาส" ได้กล่าวถึงอาการทางคลินิกของโรคนี้ที่ทำให้เกิดปอดอักเสบว่า ในการรวบรวมจากเคส 41 รายที่นอนโรงพยาบาล ทุกรายมีปอดอักเสบที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรง ที่วารสารทางการแพทย์นิวอิงแลนด์เจอร์นัลฯ เผยแพร่ลักษณะมา 1.พบใน 30% จาก 41 รายนั้น มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ ส่วนใหญ่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป 2.ส่วนใหญ่จะมีไข้ และไอไม่มีเสมะ ปวดกล้ามเนื้อ 40% และอาการที่ไม่เหมือนซาร์ส (SARS) กับเมอร์ส (MERS) ก็คือ SARS) กับ MERS เมื่อมีปอดอักเสบจะมีน้ำมูก ไอ-จาม
โดยจะมีการปรับเปลี่ยนสารพันธุกรรมเพื่อจับกับเซลล์ที่อยู่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนแล้วลงมาข้างล่าง แต่โคโรน่าไม่มี เหมือนเป็นเชื้อจะชอบลงไปที่ปอดเลย 4.อัตราการตาย 15% แต่จะเอามาบอกว่าเป็นอัตราการตายของโรคนี้ไม่ได้ เพราะเคสที่รายงานมาคือกลุ่มที่นอนโรงพยาบาลที่มีอาการปานกลางถึงหนัก 5.มีอาการที่ระบบอื่นๆ ได้ด้วย เช่น ปวดหัว ท้องเสีย (ไม่ค่อยมีอาการระบบทางเดินหายใจส่วนตัวเหมือน SARS) 6.โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ ระบบหายใจ ซึ่งช่วงเวลาที่มีอาการปอดอักเสบและเกิดภาวะหายใจล้มเหลว ก็ประมาณ 7-8 วันโดยเคสที่รุนแรงมากต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ
สำหรับเคสที่เสียชีวิตก็มาจากระบบหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน 30% และมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบด้วยในเคสที่รุนแรง ขณะที่เขาพยายามหาว่าเคสที่ป่วยไปสัมผัสอะไรมาถึงติดต่อกัน โดยบางส่วนก็มีที่ไปตลาดเมืองอู่ฮั่นขายสัตว์ แต่มีบางเคสที่ไม่ได้เดินทางไปที่ตลาดเมืองอู่ฮั่นเลย ก็แสดงว่าแหล่งน่าจะมีมากกว่าหนึ่ง ดังนั้นต้องติดตามต่อไปว่ามีแหล่งที่มาอื่นอย่างไรบ้าง โดยจะต้องหาต่อไปไวรัสเข้าในคนได้อย่างไรที่จะกระโดดจากสัตว์มาสู่คนได้ ตัวอย่าง SARS จากสัตว์มาสู่คนได้เพราะมีการกลายพันธุ์จนตัวไวรัสสามารถเปลี่ยนลักษณะภายนอกของตัวเองไปจับกับเซลล์ทางการหายใจของคน จนทำให้เกิดการติดเชื้อในคนได้
ทั้งนี้ภายหลังบรรยายเกี่ยวกับสถานการณ์และลักษณะอาการของโรคแล้ว "พญ.เลลานี" ผช.ผอ. ด้านชีวอนามัย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ได้กล่าวถึงวิธีการในการป้องกันที่เจอคนไข้ และ "พญ.วรรษมน" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ กล่าวถึงการดูแลในส่วนของมาตรการโรงพยาบาลที่จะดูแลคนไข้ โดยเป็นบรรยายให้ความรู้เฉพาะบุคคลากรทางแพทย์-พยาบาลของ รพ.จุฬาฯ
โดย"ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ" หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก ให้สัมภาษณ์ภายหลังการบรรยายว่า สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังขณะนี้ คือ การหาเคสที่อาจจะเป็นแล้ววินิจฉัยให้ได้แล้วมากักโรคไว้เพื่อไม่ให้กระจายไปยังคนอื่นๆ โดยในมุมการแพทย์ข้อมูลขณะนี้เราทราบเพียงเคสที่มีการรายงานไม่กี่เคส ดังนั้นสิ่งที่อยากรู้ระยะฝักตัวกี่วันแน่เพื่อจะกักโรคได้ถูกโดยขณะนี้เราใช้ช่วงเวลาตรวจดูจากพื้นฐานไวรัส SARS กับ MERS คือประมาณ 14 วัน เพราะเป็นไวรัสลักษณะคล้ายกันซึ่งอย่าง SARS ระยะฝักตัว 10 วัน และที่สำคัญต้องสืบค้นให้ได้ว่าเชื้อนั้นกระโดดมาจากอะไร
ตอนนี้อาจจะมาจากสัตว์แต่สัตว์ที่เป็นตัวกลางคืออะไรซึ่งค่อนข้างซับซ้อนเพราะหากมาจากค้างคาวอาจจะใช่หรือไม่ทั้งหมดก็ได้ อาจจะจากค้างคาว สู่สัตว์ตัวกลางแล้วมาสู่คนก็ได้ โดยข้อสันนิษฐานทางการแพทย์ตอนนี้คิดว่าที่มาคือค้างคาว แต่จะมาสู่คนลำบากหากกินค้างคาวก็น่าจะแค่คนที่กิน แต่มีการฟุ้งกระจายซึ่งต้องดูมาจากสัตว์อื่นหรือไม่ อย่างไร หรือฟุ้งจากคนที่ป่วยอยู่แล้วเพราะตลาดเมืองจีนนั้นเป็นลักษณะปิดอยู่แล้วอากาศอาจไม่ถ่ายเท
อย่างไรก็ดีสำหรับการรักษา จะเป็นเหมือนไวรัสทั่วไปคือลักษณะรักษาประคับประคอง รักษาตามอาการ ถ้าภูมิคุ้มกันเราดีพอก็อาจจะไม่เป็นอะไร ส่วนที่พูดถึงการจะใช้ยาต้านเอดส์บางตัวได้หรือไม่นั้นก็ยังเป็นช่วงการทดลองศึกษา ส่วนตัวยังมองว่าจริงๆ หลายรายอาจสามารถหายได้เองถ้าภูมิคุ้มกันดี ทั้งนี้สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังใกล้ชิด คือผู้สูงอายุ หรือที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจ เพราะกลุ่มผู้สูงอายุภูมิคุ้มกันตกอยู่แล้ว
ส่วนกลุ่มเบาหวานหากคุมไม่ดี โอกาสจะติดเชื้อรุนแรงได้ ส่วนโรคหัวใจหากติดเชื้อทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเสียชีวิตได้ง่าย ซึ่งเป็นหลักทั่วไปหากติดเชื้อ ทั้งนี้สำหรับสถานการณ์ในเมืองไทยที่พบเชื้อคือ จากคนจีนเป็นส่วนใหญ่ที่เดินทางมาจากประเทศจีนที่เป็นแหล่งระบาด โดยมีคนไทย 1 รายที่ป่วยก็เดินทางมาจากแหล่งระบาด แต่ยังไม่พบข้อมูลการระบาดภายในที่คนไทยป่วยจากในไทย ดังนั้นการระบาดนอกพื้นที่เมืองจีนก็มาจากเมืองจีนทั้งหมด
วิธีการป้องกันการเผยแพร่ที่สำคัญ คือ การใส่หน้ากากอนามัย ขณะนี้สามารถใช้เพียงหน้ากากอนามัยปกติก็ได้ตามที่ WHO แนะนำ ไม่จำเป็นต้องแบบ N 95 (ป้องกันฝุ่นขนาดเล็ก pm.2.5) อย่างไรก็ตามสำหรับมาตรการที่ควรต้องทำ คือ 1.การให้ความรู้กับประชาชนมากๆ เรื่องอัตราการตาย ที่บางคนคิดว่าติดเชื้อแล้วต้องเสียชีวิตเยอะ ซึ่งข้อมูลปัจจุบันพบว่าส่วนใหญ่เมื่อรักษาสามารถหายได้เอง ส่วนคนที่มีความเสี่ยงเท่านั้นจะมีโอกาสเสียชีวิตโดยขณะนี้อัตราการตายยังไม่เยอะ 3-5% 2.การให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปในที่ ที่แออัด
3.การล้างมือที่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการสัมผัสที่ต่างๆ ทั้งนี้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ของเราก็เตรียมพร้อมในการระวังดูแลผู้ป่วยมากขึ้น ซึ่งตามเคสรายงานพบว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลคนไข้ก็มีความเสี่ยงได้เพราะเคสที่จะมาถึงโรงพยาบาลมักจะเป็นเคสหนักเชื้อก็อาจจะเยอะ ดังนั้นเรายกระดับในการฝึกการใช้อุปกรณ์ในการป้องกันให้ได้ 100% โดยขณะนี้ทุกทีมทำงานหนักในการฝึกอบรมบุคลากรที่จะต้องดูแลคนไข้อย่างดีซึ่งเรามีเรื่องการสวมหน้ากาก การใส่อุปกรณ์ เรามีชุดป้องกันที่ดูดอากาศเข้าไปคล้ายชุดนักบินอวกาศ
โดยในส่วนของ รพ.จุฬาฯ มีบุคลากรนับ 100 คนในทุกระดับที่มีโอกาสจะเข้าไปสัมผัส ส่วนที่ผ่านมามีคนที่มาเดินเข้ามาตรวจอาการเอง 20-30 คนต่อวัน เราก็ทำการคัดกรองทราบผลภายในวันเดียว 24 ชม. แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอที่ติดเชื้อ อย่างไรก็ดีสำหรับห้องที่ปรับความดันภายในห้องให้เป็นลบ (Negative) รพ.จุฬาฯ มี 4 ห้อง แต่เราก็เตรียมจะเปิดเพิ่มหากมีเคสเยอะขึ้นซึ่งหากจะเพิ่มก็อาจจะอีกประมาณ 6 ห้อง
-¤Blu€bloOD¤- ถ้าหมอว่าง่ายๆแบบนั้น ทำไมประเทศอื่นเขามีมาตรการ ประเทศจีนถึงกับปิดเมือง ปิดประเทศ งั้นท่านก็ปล่อยให้เข้ามาให้หมด ให้มันเป็นโรคประนำถิ่นไปเลยไหมอ่ะ
29 ม.ค. 2563 เวลา 00.37 น.
anan คำถามบ้านๆ1.เด็กมีภูมิตัวใหนถึงได้ติดน้อยหรือไม่ติดเลยเทียบกับคนโต 2.อากาศบ้านเราพอจะช่วยยับยั้งการระบาดได้ไหมเมื่อเทียบกับอากาศหนาวที่จีน3. แอลกอฮอล์ หรือพืชที่ใช้ในครัวเรือนเช่นมะนาวหรือความร้อน ที่มีในบ้านช่วยอะไรได้บ้างไหม4. โลกนี้สามารถเกิดเองในประเทศไทยได้ไหม5. โรคปอดบวม ที่เจอส่วนมากที่บ้านเรา อยู่ในหน้าหนาวกับหน้าฝน แล้วทำไมหน้าร้อนถึงเจอน้อย สภาพอากาศน่าจะมีผลเยอะใช้ไหมครับ.....
29 ม.ค. 2563 เวลา 00.04 น.
-¤Blu€bloOD¤- ไอ้หายมันหายได้ แต่ก็มีโอกาสตาย ใครจะไปรู้ว่าตัวเองจะอยู่ใน 97% ที่รอด หรือ 3% ที่ตาย
28 ม.ค. 2563 เวลา 23.55 น.
Gu Ju สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพ
มาประเมินว่าตายน้อย ที่นี่เลินเล่อมาก
ก่อนหน้านี้ หมอจาก จ.... มาบอกว่า ไม่จำเป็นต้องใส่
ถ้าอยากใส่เป็นเพื่อนผู้ป่วย ก็ได้
...
มาวันนี้ หน้ากากอนามัยมีคูณภาพถูก .... กวาดซื้อเรียบ
มาบอกให้คนไทยตื่นตัววันนี้
ของไม่มีให้ซื้อแล้วหมอ
....
ปกป้อง รัฐบาลในดวงใจ เอาชีวิตประชาชนมาเสี่ยงแท้ๆ หมอ
28 ม.ค. 2563 เวลา 23.19 น.
วิเคราะต่ำเกินไปหรือเปล่า
28 ม.ค. 2563 เวลา 23.07 น.
ดูทั้งหมด