สวัสดีค่ะ สาวๆ SistaCafe ทุกคน
มนุษย์อยู่คู่กับแฟชั่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งแฟชั่นการแต่งกายที่เปลี่ยนตามยุคสมัยไปเรื่อยๆ เท้าดอกบัวทอง ก็เช่นกัน เป็นแฟชั่นชนิดหนึ่งของประเทศจีนในสมัยก่อน ที่ผู้หญิงยังไม่มีสถานะทางสังคมมากนัก แฟชั่นชนิดนี้แลกมาด้วยความเจ็บปวด หรือบางครั้งก็แลกมาด้วยชีวิต
หากคุณต้องเกิดมาในสมัยโบราณที่มีประเพณีที่สืบทอดกันมาเนื่องจากความเชื่อที่ว่ามีลูกผู้หญิงก็เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน ผู้หญิงส่วนมากไม่มีค่าในสังคม แต่ถ้าหากหญิงผู้นั้นมีเท้าที่เล็กขนาด 3 นิ้ว ชะตาชีวิตก็จะเปลี่ยนไป จากเพศหญิงที่ไม่มีค่าอะไรก็จะได้แต่งงานกับผู้ชายที่มีฐานะที่ดีมีตระกูลที่ดี โดยที่คุณจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด หรือแม้แต่ชีวิตของคุณเอง
ในสมัยราชวงศ์ซ่งของประเทศจีน มีประเพณีหนึ่งที่นิยมทำกันอย่างแพร่หลาย นั่นก็คือ การมัดเท้าให้เป็นดอกบัวตูมหรือจะเรียกว่าดอกบัวทองก็ได้ เด็กผู้หญิงอายุราว 4 ขวบขึ้นไป จำเป็นต้องผ่านการมัดเท้า ถ้าไม่อยากโดนขายเป็นคนรับใช้ตีนโต
คนรับใช้ตีนโตคืออะไร
เด็กผู้หญิงบางคน ทางบ้านไม่ยอมมัดเท้าและปล่อยให้มีเท้าขนาดตามธรรมชาติ เมื่อโตขึ้นก็มักถูกขายให้ไปเป็นสาวใช้ตีนโต ทำงานหนักเยี่ยงทาส อย่างที่กล่าวข้างต้นก็คือ ยุคนั้นไม่ให้ความสำคัญกับเพศหญิงและสิ่งที่จะเพิ่มมูลค่าให้เพศหญิงนั่นก็คือ การมัดเท้า
สตรีจีนโบราณไม่ได้มีอิสระอะไรมากนัก การที่จะออกเรือนสักทีหนึ่งจำเป็นต้องพึ่งพาแม่สื่อ เพื่อที่จะให้แม่สื่อหาคู่ครองที่เหมาะกัน เรียกง่าย ๆ ก็การ คลุมถุงชน นั่นแหละ การที่จะได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในบ้านที่มีฐานะดี ก็จำเป็นที่จะต้องดูลักษณะหลายอย่าง และการมัดเท้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้หญิงได้คู่ครองที่ดี นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันว่าเท้าดอกบัวทอง กระตุ้นอารมณ์ทางเพศแก่ฝ่ายชายอย่างมากอีกด้วย
ค่านิยมของสตรีในสมัยโบราณ
สตรีควรมีความอ่อนน้อมถ่อมตน
สตรีต้องรู้จักผิดชอบชั่วดี
สตรีต้องเชื่อฟังผู้อื่นเป็นสำคัญ
สตรีต้องใช้ชีวิตเพื่อบุรุษ
ลองจินตนาการว่าหากคุณอายุเพียง 4 ขวบ แม่นำคุณขึ้นไปยังหอหญิงเพื่อเริ่มทำการมัดเท้า โดยการขัดให้สะอาด ผสมส่วนผสมประกอบด้วยปัสสาวะและสมุนไพร รวมทั้งเลือดสัตว์ลงในอ่างใบเล็ก เพื่อให้คุณแช่เท้าให้อ่อนนุ่ม เมื่อเท้าอ่อนนุ่มดีแล้วก็ถึงเวลางัดเล็บเท้าทั้งหมดออก และพันผ้าเปียกสลับชั้นกับเครื่องหอมหลาย ๆ ชั้น แล้วเย็บติดทุกชั้น เมื่อผ้านั้นแห้ง เท้าของคุณก็จะถูกรัดจากการตึงของผ้า และฝึกให้คุณเดิน ผ้าที่พันเท้าไว้จะถูกแกะออกมาและทำความสะอาดเท้าทุก ๆ 2 วัน และในทุก ๆ ครั้งก็จะพันเท้าให้มีขนาดเล็กกว่าเดิม ทำดังนี้จนกว่าเท้าจะผิดรูปและได้ขนาด 3 นิ้ว
พิธีการสุดโหดนี่ต้องทำทุกวัน คุณต้องเดิน เดินโดยที่นิ้วเท้าและกระดูกเท้าของคุณหักพับแบบนั้น เดินต่อไปจนกว่าจะมีเสียงกระดูกหัก เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะชินและเท้าจะเข้ารูปจนสามารถสวมรองเท้าที่มีขนาดเพียง 4 นิ้วได้ คุณจินตนาการออกถึงความเจ็บปวดไหมล่ะ
วิธีการสุดโหดนี้ ทำให้เด็กหลายคนต้องเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ก็ดูเหมือนว่าค่านิยมการรัดเท้ายังไม่หมดไป เพราะทุกครอบครัวก็อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับตระกูลที่ดี ที่สามารถยกระดับครอบครัวตัวเองให้สูงขึ้นได้
การล้มเลิกประเพณีรัดเท้า
ในช่วงศตวรรษที่ 18 เกิดการกบฏขึ้นโดยสตรีที่ไม่ได้รัดเท้า หลังจากกบฏโดนกวาดล้างลงไป เหล่านักเทศน์ของศาสนาคริสต์ได้ให้ความรู้กับสตรีชาวจีน รวมทั้งยังมีปราชญ์ชาวจีนที่ต่อต้านการรัดเท้า ในปี 1902 พระนางซูสีไทเฮาได้ออกกฎหมายป้องกันและปราบปรามการรัดเท้า จนประเพณีนี้ค่อยๆ หายไป ในยุคสมัยของพระนางก็มีการออกแบบรองเท้าที่ใช้ชื่อว่า รองเท้าไม้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องทรมานกับการรัดเท้าแต่อย่างใดและยังทำให้ผู้ใส่สง่างามอีกด้วย
เป็นโชคดีของผู้หญิงในสมัยปัจจุบัน ที่ไม่ต้องพบเจอกับสถานะทางสังคมที่ต่ำต้อยเช่นแต่เดิม ผู้หญิงสมัยนี้สามารถที่จะมีความรักและเลือกอยู่กับคนที่ตนรัก ซึ่งแตกต่างจากยุคสมัยเก่าที่มีค่านิยมค่อนข้างคับแคบ ผู้หญิงสามารถทำงานนอกบ้านได้อย่างอิสระ หรือแม้แต่เป็นหัวหน้าครอบครัวได้
แต่ถึงอย่างไร การรัดเท้า ก็ยังคงเป็นแฟชั่นสุดทรมานที่เพศหญิงในสมัยโบราณของจีนต้องประสบพบเจอ และเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ใจสำหรับคนในปัจจุบันอย่างเรา ๆ
ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore
ซูสีไทเฮาก็มีข้อดีนะ ใช่มีแต่ข้อเสีย
08 ส.ค. 2561 เวลา 05.42 น.
สยองอ่ะ
08 ส.ค. 2561 เวลา 07.07 น.
Ann สงสารเด็กน้อย
08 ส.ค. 2561 เวลา 08.44 น.
น่าสงสารจัง
08 ส.ค. 2561 เวลา 10.44 น.
「 J i T T i M A 」 พิดารไปเลย
08 ส.ค. 2561 เวลา 07.33 น.
ดูทั้งหมด