ทั่วไป

ทนายบอส เผยเยียวยาครอบครัว‘ด.ต.’ทั้งเงิน-จิตใจ สร้างโบสถ์ 8 ล้าน ตามความประสงค์

MATICHON ONLINE
อัพเดต 12 ส.ค. 2563 เวลา 13.06 น. • เผยแพร่ 12 ส.ค. 2563 เวลา 13.06 น.

ทนายบอส เผยผ่านสื่อครั้งแรก เยียวยาครอบครัว “กลั่นประเสริฐ” ทั้งเงินและจิตใจ สร้างอุโบสถมูลค่า 8 ล้าน ตามความประสงค์ “ดาบวิเชียร” ก่อนเสียชีวิต ด้าน “ญาติ” บอกไม่ติดใจเรื่องคดี พร้อมวอนขออยากให้ผู้ตายจากไปอย่างสงบ

จากกรณีที่มีกระแสเรียกร้องให้นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ ซึ่งถูกนายวรยุทธ ขับรถยนต์ชนจนเสียชีวิต เมื่อปี 2555 และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ล่าสุดวันที่ 12 สิงหาคม นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำครอบครัวอยู่วิทยา ให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวของนายวรยุทธ ได้รับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของด.ต.วิเชียร ด้วยการเยียวยาเป็นมูลค่าเงิน 3 ล้านบาท ผ่านนายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ พี่ชายของด.ต.วิเชียร นอกจากนั้นยังจัดพิธีศพให้เป็นมูลค่า 5 แสนบาท ชดใช้ค่าวิทยุสื่อสารของตำรวจที่สูญหาย และซ่อมรถจักรยานยนต์ตำรวจให้ รวมถึงทำตามความประสงค์ของด.ต.วิเชียร ก่อนเสียชีวิต ที่ต้องการทำบุญบูรณะและสร้างอุโบสถ โดยครอบครัวอยู่วิทยาดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นที่วัดศรีบุญเรือง จ.สกลนคร มูลค่า 8 ล้านบาท เพื่ออุทิศให้ด.ต.วิเชียร ที่เสียชีวิต และร่วมบริจาคเงินให้กับมูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยแจ้งสื่อมวลชนหรือสาธารณะและการเยียวยาเป็นตัวเงินและจิตใจดังกล่าวไม่เคยหวังผลทางคดี

นายสมัคร กล่าวอีกว่า การเยียวยาทั้งตัวเงินและจิตใจนั้น ครอบครัวด.ต.วิเชียร พอใจ เพราะนายพรอนันต์เคยเขียนจดหมายขอบคุณครอบครัวนายวรยุทธที่ช่วยจัดการงานศพ และช่วยเหลือญาติๆ ของด.ต.วิเชียร พร้อมระบุว่าเหตุการณ์สูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ติดใจเอาความ พร้อมอโหสิกรรมให้กับนายวรยุทธและฝากเตือนให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ

“กระแสข่าวที่โจมตีฝั่งนายบอสนั้นคือ การฟังความข้างเดียวและได้ร้บข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง หากทำใจเป็นกลางและพิจารณารายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้น ด.ต.วิเชียร ขับรถตัดหน้ารถกะบะจากเลนซ้ายสุดไปเลนที่ 3 ทำให้เกิดการชนกันในเลนขวาสุด โดยเป็นเหตุสุดวิสัยและสามารถยกฟ้องได้ ดังนั้นเมื่อคนคิดว่าชนแล้วต้องผิด แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้คือไม่ใช่ เราใช้ช่องทางตามกฎหมายในการร้องขอความเป็นธรรม คุณบอสไปรายงานตัวตามนัดทุกครั้ง และเมื่อเขาไปต่างประเทศ คุณออกหมายจับและถอนพาสปอร์ตเขา แบบนี้เขาจะกลับเข้าประเทศได้อย่างไร” นายสมัคร กล่าว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นายสมัคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการต่อสู้คดีต้องทำทุกวิถีทางและสู้คดีทุกขั้นตอน ตั้งแต่ชั้นสอบสวนและอัยการ เพราะหากไปต่อสู้ในชั้นศาลแล้ว ศาลระบุว่าทำไมไม่ต่อสู้ในชั้นสอบสวน อาจเป็นเหตุให้ศาลไม่รับฟังพยานหลักฐานได้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่อัยการวินิจฉัยเรื่องคดีว่าไม่ผิด หรือตำรวจบอกว่าสำนวนนี้ไม่ผิด ไม่ใช่ความผิดของทนายหรือนายวรยุทธ เพราะเป็นหน้าที่ที่อัยการจะวินิจฉัย แต่หากอัยการบอกว่าผิดต้องไปสู้กันต่อที่ศาล ดังนั้นตนขอวิงวอนให้ประชาชนเข้าใจข้อเท็จจริง และวางใจเป็นกลาง ไม่ใช่มองว่าเพราะเป็นลูกคนรวยแล้วรอดคดี

ขณะที่นายใหม่ กลั่นประเสริฐ อดีตกำนันตำบลเกาะหลัก ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของด.ต.วิเชียร วัย 75 ปี ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ตนทราบว่าหลังจา ด.ต.วิเชียรเสียชีวิต ได้รับเงินเยียวยาแล้ว 3 ล้านบาท และแบ่งให้ญาติทั้ง 4 คนๆ ละ 7 แสนบาท และภรรยา 2 แสนบาท นอกจากนั้นยังทำหนังสือสัญญาว่าจะไม่ฟ้องร้องค่าเสียหายใดๆ อีก ทั้งนี้ตนไม่ทราบรายละเอียดของการเยียวยาด้านอื่นๆ เพราะตนอยู่แต่ในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้เข้ากรุงเทพฯ ซึ่งกรณีดังกล่าว นายพรอนันต์ ซึ่งเป็นพี่ชายได้เป็นผู้ดำเนินการเรื่องทั้งหมด

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

“ผมไม่มีความรู้ทางกฎหมายและไม่ได้ยุ่งเกี่ยว แต่ทราบว่าเมื่อได้รับการเยียวยาครอบครัวก็พอใจ ส่วนคดีความนั้นทางญาติไม่ติดใจอะไร เมื่อให้มาเท่านี้ก็พอใจ เพราะตระกูลเราไม่ได้ร่ำรวย ส่วนการฟ้องร้องหรือเรียกร้องอะไรนั้นไม่อยากให้ต่อความยาวสาวความยืดกันอีกต่อไปแล้ว เพราะอยากให้ผู้เสียชีวิตได้จากไปอย่างสงบ” นายใหม่ กล่าว

นางณัฐนันท์ กลั่นประเสริฐ ภรรยาของนายพรอนันต์ ในฐานะพี่สะใภ้ ด.ต.วิเชียร ให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับต่อการได้รับเงินเยียวยาจากครอบครัวอยู่วิทยา 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างทนายของครอบครัวอยู่วิทยาและครอบครัวของด.ต.วิเชียร นอกจากนั้นได้ช่วยจัดงานศพให้ ส่วนรายละเอียดเยียวยาด้านอื่นๆ เช่น สร้างโบสถ์ ทำบุญนั้น ไม่รับทราบ แต่ญาติได้นำเงินสร้างศาลาวัดที่ต่างจังหวัด ส่วนเป็นจังหวัดใดนั้นไม่ขอเปิดเผย แต่ได้ระบุอุทิศกุศลนั้นให้กับด.ต.วิเชียร พร้อมทั้งบิดาและมารดาของด.ต.วิเชียร

“ขณะนี้นายพรอนันต์อยู่ระหว่างการรักษาอาการของเส้นเลือด จึงไม่ต้องการให้รับรู้รายละเอียดใดๆ เพราะไม่ต้องการให้มีภาวะเครียด ซึ่งจะส่งผลต่อความดันและเป็นอันตรายได้ อีกทั้งการต่อสู้คดีนี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอัยการและกระบวนการยุติธรรม เพราะครอบครัวจะไม่ฟ้องร้องอะไร เพราะต้องทำงาน ปล่อยให้คนตายได้ตายอย่างสงบ ดิฉันไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เพราะตามกฎหมายไม่ใช่ทายาทหรือผู้สืบสันดาน จึงหมดสิทธิ์ฟ้องร้อง อีกทั้งเคยทำสัญญาว่าจะไม่ฟ้องร้องค่าเสียหายทั้งทางอาญาและทางแพ่งเพิ่มเติมอีก” นางณัฐนันท์ กล่าว

ขอบคุณเพจ : khaosod Online

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 94
  • oddonsur
    เยียวยาก็ส่วนเยียวยา ส่วนทางคดีก็ต้องรับโทษ ไม่งั้นกูมีตังค์กูจะขับรถชนใครหรือฆ่าใครตายก็ได้ แล้วเอาเงินยัด จบ แค่นั้นเหรอ กรณีนี้ หนีคดีอีกต่างหาก เป็นทนายมาจนหัวหงอกก็น่าจะรู้นะ
    12 ส.ค. 2563 เวลา 22.54 น.
  • สุดใจ
    รถคันหน้าต้องระวังคันหลังเหรอ
    12 ส.ค. 2563 เวลา 22.40 น.
  • ไพรัตน์
    พวกระยำนะที่ตามเชียร์มันขอให้พ่อมึงถูกรถชนตายแบบนี้บ้างนะ
    12 ส.ค. 2563 เวลา 22.01 น.
  • ไพรัตน์
    ทนายความควายว่าความให้ควายเลวจังมึง
    12 ส.ค. 2563 เวลา 21.59 น.
  • stk6507
    เงิน8ล้านสร้างโบสถ์แล้วเงินอีกกี่สิบล้านที่สร้างสิ่งชั่วร้ายให้เกิดขึ้นในวงการยุติธรรม
    12 ส.ค. 2563 เวลา 19.32 น.
ดูทั้งหมด