วันที่ 21 ตุลาคม 2562 น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติและหลานสาวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นการกู้เงินชดเชยภาวะขาดดุลงบประมาณ ซึ่งมีการอภิปรายโต้ตอบกันระหว่างการพิจารณาร่างงบประมาณประจำปี 2563 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบความเห็นจากพรรคฝ่ายรัฐบาลที่ระบุเป็นเพราะนโยบายในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำให้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาต้องวางงบประมาณแบบขาดดุลว่า ตลอดเวลา5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลประยุทธ์ กู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ “เพิ่มสูงขึ้น” เกือบทุกปี
• พ.ศ. 2558 กู้ชดเชยงบขาดดุลฯ เป็นจำนวน 250,000 ล้านบาท
• พ.ศ. 2559 กู้ชดเชยงบขาดดุลฯ เป็นจำนวน 390,000 ล้านบาท
• พ.ศ. 2560 กู้ชดเชยงบขาดดุลฯ เป็นจำนวน 550,000 ล้านบาท
• พ.ศ. 2561 กู้ชดเชยงบขาดดุลฯ เป็นจำนวน 550,000 ล้านบาท
• พ.ศ. 2562 กู้ชดเชยงบขาดดุลฯ เป็นจำนวน 450,000 ล้านบาท
• และในปี พ.ศ. 2563 กู้ชดเชยงบขาดดุลฯ เป็นจำนวน 469,000 ล้านบาท
น่าตกใจ! ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะสร้างตัวเลขกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ สูงมากกว่า 2.659 ล้านล้านบาท
ในขณะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาถูกกล่าวหาจากรัฐบาลประยุทธ์ต่างๆ นาๆ นั้น เมื่อพิจารณารายละเอียดการจัดทำงบประมาณ กลับพบตัวเลขที่ชัดเจนว่า ตลอด 3 ปีที่บริหารประเทศ มีการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ “ลดน้อยลง” ทุกปีๆ และจำนวนรวมก็น้อยกว่าอย่างชัดเจนด้วย
• พ.ศ. 2555 กู้ชดเชยงบขาดดุลฯ เป็นจำนวน 400,000 ล้านบาท
• พ.ศ. 2556 กู้ชดเชยงบขาดดุลฯ เป็นจำนวน 300,000 ล้านบาท
• พ.ศ. 2557 กู้ชดเชยงบขาดดุลฯ เป็นจำนวน 250,000 ล้านบาท
และภาพรวมตลอด 3 ปี ไม่เพียงตัวเลข “ลดน้อยลง” อย่างเห็นได้ชัดเท่านั้น แต่ตัวเลขโดยรวม ก็เพียง 950,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ประเด็นที่เป็นสาระสำคัญมากกว่าตัวเลขการขาดดุลมากน้อย แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ และใช้เม็ดเงินงบประมาณเพื่อลงทุนในโครงการที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนจริงๆ
ถ้ายกอคติในใจออกไป และมองด้วยใจเป็นกลาง จะเห็นความแตกต่างของการใช้งบประมาณของ 2 รัฐบาล อย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดทำงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในนโยบายที่ก่อให้ “ประชาชน” เกิดรายได้ก่อน เพราะเมื่อประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอย ประเทศก็มีรายได้เพิ่มขึ้น
ยกตัวอย่างโครงการรับจำนำข้าว เป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณเพื่อสร้างโอกาสให้ชาวนาผู้มีรายได้น้อย ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปสู่ประเป๋าของชาวนาโดยตรง ให้ครอบครัวชาวนาราว 15 ล้านคนของประเทศได้มีกำลังจับจ่ายใช้สอย ร้านค้าขายของได้ เมื่อเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น รัฐบาลเก็บภาษีได้มากขึ้น สังเกตได้จากตัวเลขเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ที่น้อยลงทุกปี เพราะประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี
ขณะที่รัฐบาลประยุทธ์ ซึ่งกู้เงินชดเชยงบขาดดุลมากขึ้นเกือบทุกปี ตัวเลขข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลประยุทธ์หารายได้เข้าประเทศไม่พอกับรายจ่ายของประเทศ เมื่อประชาชนจนลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเกษตรที่รัฐบาลประยุทธ์ละเลย ปล่อยให้ชาวบ้านทำมาหากินตามยถากรรม รัฐบาลจัดทำงบประมาณให้ความสำคัญกับด้านความมั่นคงในมิติทางทหารมากกว่าการคำนึงถึงความมั่นคงของประชาชน จึงเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุที่ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้า สังเกตได้จากการจัดสรรงบประมาณไปใช้กับกระทรวงกลาโหมในการซื้ออาวุธ ซึ่งมาจากต่างประเทศ เป็นงบประมาณที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และยังทำให้เม็ดเงินไหลออกนอกประเทศ
ดังนั้นก่อนที่จะมีการนำตัวเลขงบประมาณมาเปรียบเทียบและแปรความตัวเลขโดยขาดความเข้าใจในเศรษฐกิจภาพรวม เพียงเพื่อตีกิน โจมตีคนอื่นเพื่อให้รัฐบาลของพวกตัวเองดูดี ก็อยากให้รัฐบาลประยุทธ์ได้ช่วยพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบด้วยว่า การพยายามเหยียบหัวคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี ดูสูงขึ้นนั้น ไม่ได้ทำให้ตัวเองดูดีในสายตาประชาชนเลย และควรใช้เวลาที่คิดแต่จะโจมตีคนอื่น ไปพัฒนาตัวเอง เอาเวลาไปคิด-ทำนโยบายหรือใช้เวลากับการหาวิธีแก้ไขปัญหาให้ประชาชนบ้าง ก็อาจจะมีประโยชน์กับตัวเองและสังคมมากกว่า
Supot khongtong กลับไปหุงข้าวหุงปลากินเถอะ ไม่ต้องดราม่าชาวบ้านเขาไม่เลือกมึงดอกนะ อย่าทำเป็นสู่รู้อีกเลย
21 ต.ค. 2562 เวลา 22.40 น.
Sukjai สู้ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ กู้มาฟอกใส่กระเป๋าตัวเอง
ได้เป็นแสนๆล้านจากรับจำนำข้าวแค่2ฤดูเอง
เก่งกว่าเยอะครับ
21 ต.ค. 2562 เวลา 07.01 น.
Knty จำนำข้าวของน้ามึงละ เอาเงินมาคืนด้วย
21 ต.ค. 2562 เวลา 06.58 น.
ยศเต็มอกสนามรบไม่ไป เข้ อันไหนผิดถูกคุณแยกแยะไม่ออกหรือ
21 ต.ค. 2562 เวลา 06.44 น.
สมเกียรติ ข่าวมติชินน้าอีปูแม่งโคตรโกงชั่วทั่งตระกูลกูเบิดคำด่าอีห่า
21 ต.ค. 2562 เวลา 05.45 น.
ดูทั้งหมด