ทั่วไป

รวบอดีตนายทหารยศร้อยตรี หลอกฝากญาติเข้ารับราชการ ก่อนเชิดเงินหนี

อีจัน
อัพเดต 21 ต.ค. 2562 เวลา 02.36 น. • เผยแพร่ 19 ต.ค. 2562 เวลา 11.33 น. • อีจัน
วันนี้ (19 ต.ค.62) ตำรวจ สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ&#366…

วันนี้ (19 ต.ค.62) ตำรวจ สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จับกุมตัว นายเด่นชัย ภูหงษ์ทอง อายุ 50 ปี ชาว ต.หนองตาไก้ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์" ได้บริเวณหน้าร้านกาแฟคอบสตอร์รี่คาเฟ่ ภายในกองปราบปราม ถนนพลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อเดือนมกราคม 2559 นายเด่นชัย ได้สอบถามผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติกันว่า มีลูกหลานที่เรียนจบคณะนิติศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์บ้างหรือไม่ เนื่องจากตนรู้จักผู้ใหญ่หลายคน มีโควต้าฝากเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานประจำปี 2559 จำนวน 2 คน ด้านผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ เพราะเห็นว่าเป็นญาติกัน อีกทั้งยังรับราชการทหารบกยศร้อยตรี ที่ค่ายแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี จึงฝากลูกชายเข้าทำงานในกรมราชทัณฑ์ จากนั้นนายเด่นชัยได้เรียกเงินค่าดำเนินการ จำนวน 130,000 บาท โดยทยอยจ่าย 3 งวด ก่อนที่จะให้ลูกชายของผู้เสียหาย ไปสมัครสอบตามขั้นตอนปกติ เมื่อผู้เสียหายจ่ายเงินครบ ผลสอบออกมาปรากฏว่าบุตรชายของผู้เสียหายไม่มีชื่อผู้ที่สอบผ่านการคัดเลือก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ผู้เสียหายจึงสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่นายเด่นชัย ได้บ่ายเบี่ยงว่า ลูกชายของผู้เสียหายอยู่ในกลุ่มโควต้าพิเศษ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บรรจุในตำแหน่งดังกล่าวแต่อย่างใด จากนั้น นายเด่นชัยได้แอบอ้างอีกว่ามีโควต้าฝากลูกชายของผู้เสียหายเข้ารับราชการทหาร ตำแหน่งพลขับ หรือตำแหน่งธุรการที่กองทัพบก เนื่องจากตนเองเป็นทหารทำงานอยู่ในกองทัพบก เพราะทราบข่าวมาว่าพนักงานคนเก่าได้เกษียณอายุราชการ และจะมีการบรรจุบุคคลภายนอกเข้าดำรงตำแหน่งดังกล่าวโดยไม่ต้องสอบบรรจุ
ผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินค่าดำเนินการอีก 60,000 บาท รวมเงินที่ผู้เสียหายได้มอบให้กับนายเด่นชัยเป็นจำนวน 190,000 บาท จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นเดือน ลูกชายของผู้เสียหายก็ยังไม่ถูกเรียกรับบรรจุราชการทหารแต่อย่างใด จึงติดต่อไปหานายเด่นชัยอีกครั้ง แต่นายเด่นชัยนัดให้ผู้เสียหายและลูกชายไปพบที่ค่ายอดิศร จ.สระบุรี และอ้างว่าจะได้บรรจุตำแหน่งพลขับ ที่ค่ายทหาร จ.ปราจีนบุรี

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จนกระทั่งหลายเดือนต่อมานายเด่นชัย ไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด จนเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2560 ผู้เสียหายได้ตามหา นายเด่นชัย ที่บ้านพักใน จ.ร้อยเอ็ด แต่พบเพียงภรรยาของนายเด่นชัยโดยภรรยาบอกว่า สามีลาออกจากราชการทหารแล้วและไม่ทราบว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน ผู้เสียหายจึงได้พยายามติดต่อเพื่อขอเงินคืน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กระทั่งศาลออกหมายจับไว้

ต่อมาตำรวจสืบทราบว่า นายเด่นชัย ได้หลบหนีมากบดานใน กรุงเทพฯ และได้มาทำธุระที่ร้านกาแฟคอบสตอร์รี่คาเฟ่ ภายในกองปราบปราม จึงนำกำลังจับกุมมาสอบสวน

โดยผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และยอมรับว่าก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง แต่พอถูกแจ้งความก็จะรีบจ่ายเงินคืนให้กับผู้เสียหาย แต่คดีนี้ยังไม่มีเงินไปคืนเลยถูกแจ้งความ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่ง สภ.กมลาไสย เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 4
  • Surawut.w
    ที่จริงต้องจัดการทั้งสองฝ่ายให้ผิดเท่าๆกัน เมื่อมีผู้เสนอ-ไม่มีผู้สนอง=ความผิดแบบนี้ก็จะไม่เกิด แบบนี้ถือว่าสร้างภาระใช่เหตุให้ระบบยุติธรรมแทนที่จะเอาเวลาในคดีนี้ไปทำคดีอื่นๆที่มีผู้เสียหายโดยสุจริตจะดีกว่า
    20 ต.ค. 2562 เวลา 03.14 น.
  • เลวๆแบบนี้มีอีกเยอะครับ(ใช้เครื่องแบบหาแดก)
    19 ต.ค. 2562 เวลา 13.52 น.
  • 30ปีก่อนกับตอนนี้คนไทยไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย เป็นข่าวทุกเดือนทุกปี
    19 ต.ค. 2562 เวลา 13.42 น.
  • วัฒนชัย จิโสะ
    ด้วยความเคารพต่อผู้เสียหายนะครับ เรื่องแบบนี้ผมไม่เคยโทษคนก่อเหตุเลย เพราะตราบใดที่คนไทยยังคิดหาวิธีพิเศษในการเข้ารับราชการเหตุการณ์แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นต่อไป เพราะฉะนั้นอย่าโทษใคร(ผมไม่ได้ซ้ำเติม)
    19 ต.ค. 2562 เวลา 13.25 น.
ดูทั้งหมด