“สส.นนท์” โต้ “รมว.พาณิชย์” แนะเปลี่ยนอาชีพไม่ง่ายเหมือนพูด เป็นรัฐมนตรี คิดได้แค่นี้ตะเพิดไปเลี้ยงลิงเถอะ ด้านไทยสร้างไทย ชี้ ปลูกกล้วยลงทุนมาก แถมเสี่ยงเรื่องการตลาด
วันที่ 7 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แนะให้ชาวนาเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกกล้วยแทนเพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ว่า แสดงวิสัยทัศน์ที่สั้นเกินไปกับชีวิตเกษตรกรไทย การให้คำแนะนำเปลี่ยนอาชีพง่ายๆ เช่นนี้สะท้อนว่าไม่ได้เข้าใจปัญหาจริงของเกษตรกร หากชาวนาเลิกทำนาแล้วไปปลูกกล้วย ใครจะรับรองว่าจะไม่เกิดปัญหาราคาตกต่ำล้นตลาดเหมือนพืชเศรษฐกิจอื่นที่ผ่านมา เช่น มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน หรือแม้แต่ลำไย แนวคิดนี้ขาดมาตรการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรม เช่น การหาตลาดรองรับ การจัดระบบการผลิตให้มีเสถียรภาพ นาข้าวเป็นอาชีพหลักของเกษตรกรชาวนาไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะเหมาะกับการปลูกกล้วย ชาวนาลงทุนไปแล้วกับการทำนา ทั้งเครื่องจักร ระบบชลประทาน จะให้เปลี่ยนเป็นปลูกกล้วยทันทีมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น
“ปัญหาหลักของเกษตรกรชาวนาไทยไม่ใช่แค่เลือกปลูกอะไร แต่เป็นต้นทุนการผลิตสูง หนี้สิน และการตลาดที่ไม่เป็นธรรม ถ้าอยากช่วยเกษตรกรจริง ควรลดต้นทุนปุ๋ย ลดต้นทุนเมล็ดพันธุ์ หรือลดภาระหนี้สิน ไม่ใช่แค่บอกให้เปลี่ยนไปปลูกอย่างอื่น หรือแค่บอกให้ปลูกแล้วปล่อยให้เกษตรกรไปเผชิญชะตากรรม ถ้าแนวคิดนี้ล้มเหลว นายพิชัยจะรับผิดชอบอย่างไร หรือจะปล่อยให้ชาวบ้านรับเคราะห์กันเอง รมว.พาณิชย์ ไม่เข้าใจปัญหาชาวนาไทย แต่กลับออกไอเดียแบบลอยๆ ว่าให้เปลี่ยนไปปลูกกล้วยแทนข้าว นี่คือแนวคิดของคนที่ไม่รู้จริงเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจเกษตร เพราะกล้วยไม่สามารถแทนข้าวได้ ทั้งในแง่ของตลาดและความมั่นคงทางอาหาร ถ้าคนระดับรัฐมนตรีคิดได้แค่นี้ ถ้าคนแบบนี้อยู่ในตำแหน่งต่อ อนาคตเศรษฐกิจไทยจะเป็นยังไง เราควรมีผู้นำที่มองการณ์ไกล และรู้จักวางนโยบาย ไม่ใช่แค่พูดเล่นไปวันๆ ถ้าคิดอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ก็ลาออกไปเลี้ยงลิงเถอะ” นายนนท์
ไทยสร้างไทย สวน “พิชัย” ให้ชาวนาไปปลูกกล้วย ลงทุนสูงเสี่ยงด้านการตลาด
ด้านนายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย แสดงความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ให้ชาวนาเปลี่ยนจากการปลูกข้าวไปปลูกกล้วยเพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ โดยระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้จริง เนื่องจากมีปัจจัยด้านโครงสร้างการผลิต ต้นทุน ความเสี่ยงทางการเกษตร และปัญหาด้านตลาดที่ต้องคำนึงถึง ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ และเป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวนาไทย การเปลี่ยนไปปลูกกล้วยต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าพันธุ์ ค่าปรับปรุงพื้นที่ และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา อีกทั้งกล้วยยังเป็นพืชที่อ่อนไหวต่อโรค โดยเฉพาะโรคตายพราย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ ด้านตลาดก็มีอุปสรรคสำคัญ แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีความต้องการกล้วยสูง แต่การแข่งขันในตลาดนี้รุนแรง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเอกวาดอร์เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทย ทำให้ไทยแข่งขันได้ยาก
“การแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำต้องมองให้รอบด้าน ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนชนิดพืชเพาะปลูก แต่ควรมีมาตรการที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก” นายชัชวาลกล่าว พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรม คือ ปรับปรุงคุณภาพข้าวและส่งเสริมข้าวพรีเมียมข้าวคุณภาพสูง ส่งเสริมการแปรรูป เช่น ข้าวเพื่อสุขภาพ แป้งข้าว อาหารสำเร็จรูป เพื่อให้ข้าวไทยมีช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ขยายตลาดส่งออกใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และขยายโควตาส่งออกไปยุโรป
ลดต้นทุนการผลิตโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรมาใช้ รวมถึงเพิ่มอำนาจต่อรองของชาวนาโดยรัฐต้องจริงจังในการสนับสนุนการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์เพื่อให้ชาวนามีอำนาจต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง และนโยบายการบริหารความเสี่ยงซึ่งรัฐควรมีมาตรการที่ช่วยให้ชาวนามีรายได้ที่มั่นคง แทนการผลักดันให้เปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สส.ปชน. ตะเพิด “พิชัย” ลาออกไปเลี้ยงลิง ปมให้เกษตรกรปลูกกล้วยแทนข้าว
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath