ทันหุ้น - เอ็กซิมแบงก์สินเชื่อคงค้างแตะ 1.52 แสนล้านบาทปีนี้ทุบสถิติ ปักเป้าปีหน้ากระฉูดแตะ 1.65 แสนล้านบาท ชี้สินค้าไทยตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ดันขยายตัว 5% แนะผู้ประกอบการลุยสินเชื่อกระแสโลกอนาคต แพลนต์เบสผนึกบิ๊ก NRF ปั้นเอสเอ็มอี พร้อมศึกษาปล่อยวิธีให้แหล่งเงินอีวีสูงกว่าเพดานสินเชื่อ 5 พันล้านบาท
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้ายอดคงค้างสินเชื่อและปริมาณธุรกิจสะสมบริการประกันปี 2565 ที่ 1.65 แสนล้านบาท เติบโต 12-15% จากปีนี้ที่คาดการณ์ว่ายอดจะทะลุกว่า 1.52 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 17,155 ล้านบาท หรือ 12.69% สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดดำเนินงาน 28 ปี สร้างกำไรสุทธิกว่า 1,500 ล้านบาท เติบโตทะยานขึ้นกว่า 200% จากปี 2563 และสูงสุดในรอบ 5 ปี
โดยในปี 2565 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าจะขยายตัวถึง 4.9% ขณะที่การค้าโลกมีแนวโน้มขยายตัว 6.7% สูงกว่าอัตราเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ระดับ 3.0% และ 2.7% ตามลำดับ ด้านเศรษฐกิจไทยในปี 2565 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ คาดว่าการส่งออกไทยจะขยายตัวราว 5% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยมีแรงหนุนสำคัญมาจากความคืบหน้าของการกระจายและฉีดวัคซีนทั่วโลก
สินค้าไทยหลายรายการยังตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้ดี โดยเฉพาะสินค้าอาหารและผลไม้ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Work From Home ของใช้ในบ้าน และสินค้าทางการแพทย์ นอกจากนี้ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2565
นั่นหมายถึง ไทยจะเข้าร่วมตลาดขนาดใหญ่ครอบคลุมอาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวม 15 ประเทศ คิดเป็นกำลังซื้อกว่า 30% ของโลกหรือราว 2,200 ล้านคน ซึ่งไทยส่งออกไปประเทศสมาชิก RCEP อยู่แล้วกว่า 50% ของมูลค่าส่งออกรวม ทำให้สินค้าไทยราว 30,000 รายการ อาทิ ผลไม้ ยานยนต์ และเคมีภัณฑ์ ได้รับการลดภาษีเหลือ 0% จึงเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสเจาะตลาดให้แก่ผู้ส่งออกไทยได้มากขึ้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง อาทิ การกลายพันธุ์และการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 การที่ธนาคารกลางสำคัญของโลกหันมาใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบโดยเฉพาะชิป รวมถึงต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจกดดันให้ Margin ของผู้ส่งออกไทยลดลงได้
@ ลุยสินเชื่อเทรนด์ใหม่โลก
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยปี 2565 จะกำลังฟื้นตัว แต่ยังขยายตัวต่ำและฟื้นตัวช้ากว่าหลายประเทศ เนื่องจากปัญหาเชิงโครงสร้างในหลายมิติ อาทิ ผู้ประกอบการ SMEs ของไทยมีจำนวนมาก แต่ยังมีบทบาทต่อเศรษฐกิจน้อยเพราะส่วนใหญ่ค้าขายในประเทศเป็นหลัก ดังนั้นผู้ประกอบการควรลุกขึ้นมาปรับหรือเปลี่ยนสินค้าและกิจการเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มตามเทรนด์ใหม่ๆ ของโลกได้
ด้านนายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ธนาคารพร้อมสนับสนุนสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยสู่นวัตกรรมยุคใหม่อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านของนวัตกรรมอาหารอนาคต ซึ่งปัจจุบันธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อให้กับ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ดำเนินธุรกิจโปรตีนจากพืช หรือ แพลนต์เบส (Plant-based) ซึ่งนับเป็นเมกะเทรนด์ ทั้งนี้ธนาคารจะมีความร่วมมือกับ NRF เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรม แพลนต์เบส เติบโตมากขึ้น
นอกจากนี้ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ก็นับเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเป้าหมายของธนาคารในการปล่อยกู้ โดยธนาคารมีวงเงินปล่อยกู้ต่อกลุ่มธุรกิจตามปกติ 5 พันล้านบาท อย่างไรก็ดีเนื่องจากว่ากลุ่มอีวี เป็นกลุ่มที่มีซัพพลายเชนขนาดใหญ่ค่อนข้างมาก ทั้ง บริษัทใหญ่ และกลุ่มคลัสเตอร์ค่อนข้างมาก แนวโน้มต้องการใช้เงินทุนสูง ดังนั้นธนาคารจึงเดินหน้าศึกษาหาแนวทางใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมแหล่งเงินให้กับกลุ่มธุรกิจ เช่นการหากองทุนเข้ามาร่วมสนับสนุนด้วย เป็นการสนับสนุนลูกค้าของธนาคาร นับเป็นการบริหารจัดการรูปแบบใหม่ซึ่งกำลังศึกษาอยู่
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SAAPP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNATELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_newsTwitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1