“เทพไท”เชื่อเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แคมเปญ “ไม่เลือกเราเขามาแน่”แป๊กแน่ ฟันธงขั้วเอาทักษิณได้เปรียบขั้วไม่เอาทักษิณ เหตุตัวหารน้อยกว่า
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แล้ว โพลสำนักต่างๆ ก็ต้องหยุดเผยแพร่ผลการสำรวจตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำให้คะแนนในโค้งสุดท้าย อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง และเบียดขึ้นแซงกันในช่วงนี้ ก็ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้
ผู้สมัครทุกคนก็ต้องเร่งหาคะแนนเพื่อให้คะแนนของตัวเแองตีตื้นในโค้งสุดท้ายให้ได้ จึงอยากให้จับตาการหาเสียงในช่วงนี้ จะมีการปล่อยทีเด็ด ทั้งวิชาเทพและวิชามาร ออกมาพร้อมๆกัน มีการเสนอแนวทางให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครอย่างมียุทธศาสตร์ นั่นหมายความว่า จากการเมืองที่มี 2 ขั้ว ให้แต่ละขั้วเลือกคนที่มีโอกาสได้มากที่สุดขั้วละคน โดยการเทคะแนนให้ผู้สมัครที่มีโอกาสมากได้รับเลือกมากที่สุด ซึ่งเป็นไปได้ยาก
นายเทพไท ระบุว่า จากฐานคะแนนเสียงของคนใน กทม.สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ขั้วการเมืองใหญ่ๆ ที่เชื่อมโยงกับการเมืองระดับชาติอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งสุดท้าย ก็มีการแบ่งฐานคะแนนเสียงอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่เอาทักษิณกับกลุ่มที่ไม่เอาทักษิณ เห็นได้จากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อ 3 มีนาคม 2556 ที่กลุ่มไม่เอาทักษิณ เทคะแนนเสียงให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ 1,256,349 คะแนน จนเบียดชนะ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย 1,077,899 คะแนน ที่ได้รับคะแนนสนับสนุนจากกลุ่มที่นิยมทักษิณในโค้งสุดท้ายไปได้
นายเทพไท ระบุอีกว่าในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ฐานเสียงของกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณมีผู้สมัครอยู่ 2 คน คือนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เบอร์8 จากอิสระ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เบอร์1 พรรคก้าวไกล ส่วนฐานเสียงกลุ่มที่ไม่เอาทักษิณ มีผู้สมัครอยู่ 4 คน คือ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เบอร์ 4 พรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เบอร์ 6 จากอิสระ นายสกล ภัทธยกุล เบอร์ 3 จากอิสระ และน.ส.รสนาโตสิตระกูล เบอร์ 7 จากอิสระ
ซึ่งกลุ่มนี้มีฐานเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตร และกลุ่ม กปปส. ดังนั้นการเสนอแคมเปญให้เลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์นั้น น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะผู้สมัครแต่ละคน ก็มีฐานเสียง แฟนคลับ หรือกลุ่มผู้สนับสนุนค่อนข้างชัดเจน ซึ่งไม่สามารถทำใจไปเทคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง ตามแนวทางการลงคะแนนอย่างมียุทธศาสตร์ตามที่ได้ขายความคิดในช่วงนี้ได้ เพราะผู้ลงคะแนนจะเกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง กลัวผู้สมัครที่กลุ่มตนสนับสนุนจะได้คะแนนน้อยเกินไป จะเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองได้
“ส่วนตัวเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะใช้ยุทธศาสตร์แบบ“ไม่เลือกเราเขามาแน่” เหมือนในอดีตที่ผ่านมา ไม่น่าจะสำเร็จ เชื่อว่าคะแนนของผู้สมัครแต่ละคน จะแชร์กันเองในกลุ่มฐานคะแนนของแต่ละขั้ว อยู่ที่ใครจะมีฝีมือดึงคะแนนเสียงในขั้วตัวเองได้มากกว่ากันผู้สมัครคนอื่นๆ ผู้สมัครคนนั้นก็จะเป็นผู้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ ซึ่งสมารถฟันธงได้ว่า ขั้วเอาทักษิณ จะได้เปรียบขั้วไม่เอาทักษิณ เพราะตัวแชร์คะแนนน้อยกว่า”นายเทพไท ระบุ
คนกทม.ส่วนใหญ่ตาสว่างพอสมควร ที่ผ่านมาผลกระทบตัวเองล้วนๆโดยเฉพาะเรื่องปากท้อง อย่างอ้างมุขล้มล้างสถาบันใช้ไม่ได้แล้วครับ
16 พ.ค. 2565 เวลา 11.21 น.
Preecha ไม่เลือกเรา. แมงสาบมาแน่. 5555
16 พ.ค. 2565 เวลา 09.07 น.
สุพรรณ พี่ไทพึ่งรุ้รึ ว่าฝ่ายทักษิณได้เปรียบเขารุ้มานานแล้ว
ต่อไปนี้อะไรก้อฉุดไม่อยุ่มาแน่ นอน เพราะรัฐบาลน้ำเน่าชุดนี้
สมองอยุ่ที่ลำใส้ใหญ่
16 พ.ค. 2565 เวลา 08.16 น.
Kai ...PAM 😄 กบฎนกหวีด หัวเหลือง คราวนี้ ดิ้นทุรนทุราย
16 พ.ค. 2565 เวลา 07.11 น.
chan อยากให้มาคิดถึงมากๆๆๆๆๆๆๆ
16 พ.ค. 2565 เวลา 05.36 น.
ดูทั้งหมด