ไอที ธุรกิจ

อนาคตตลาดหุ้นโลก: Volatility is the new normal

Finnomena
อัพเดต 28 พ.ค. 2563 เวลา 07.56 น. • เผยแพร่ 28 พ.ค. 2563 เวลา 07.55 น. • Ran Pravithana

ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มันเกิดความขัดแย้งสำคัญของตลาดหุ้นอยู่สองอย่าง

1. พื้นฐานแย่ - Fundamental ปัจจัยพื้นฐานในระยะสั้นถึงกลางเรียกได้ว่าแย่ถึงแย่มาก ๆ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ภาคธุรกิจประสบปัญหาจาก Covid-19 คนตกงานพุ่งสูง รายได้ธุรกิจหดหาย สภาพคล่องติดขัด หลายบริษัทลุยต่อไม่ไหวต้องเข้ากระบวนการล้มละลาย รัฐบาลหนี้ท่วม ธนาคารกลางปั๊มเงินไม่อั้น คลังอัดฉีดไม่อั้น เพื้อยื้อเศรษฐกิจไม่ให้พัง

แต่ในอีกด้าน

2. เงินต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ย - Fund Flow ของเงินจำนวนมากกำลังหาที่พักเงินใหม่

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สาเหตุจากการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยิงกระสุนเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ยไปถึงระดับติดลบ การอัดฉีด QE ปริมาณมหาศาลเข้าระบบเศรษฐกิจ

เมื่อคนกลัว เงินจะไหลจากที่เสี่ยงสูงไป ที่เสี่ยงต่ำ (Minimize Risk) เมื่อคนกล้า เงินจะไหลจากที่ผลตอบแทนต่ำ ไปที่ผลตอบแทนสูง (Maximize Return)

ปัญหาสำคัญของระบบเศรษฐกิจโลกที่เรากำลังจะเจอคือ อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ คำถามสำคัญคือ ใครจะได้รับผลกระทบในแง่ลบ จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำระดับนี้บ้าง..?

1. อันดับแรกเลย Pension Fund

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เหล่ากองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั่วโลก ถือพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าความเสี่ยงต่ำ ปลอดภัย แต่พอดอกเบี้ยลงต่ำถึงขั้นติดลบ การถือพันธบัตรระยะยาว ในยุค Aging Society ก็คือระเบิดเวลาดี ๆ นี่เอง

กองทุนเหล่านี้จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเรื่อยๆ ตาม Aging Society ที่คนสูงอายุเพิ่มมากขึ้น ๆ และกลับจะมีรายได้น้อยลง จากคนวัยทำงานที่ลดลง ๆ จากอัตราการเกิดที่ต่ำ การถือพันธบัตรที่ผลตอบแทนติดลบ คือการเอาเงินไปฝากไว้ที่ที่เงินจะหดตัวลงเรื่อย ๆ ทุกปี ๆ กลุ่ม Pension Fund เหล่านี้เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง "ล้มละลาย" ในวันหนึ่ง ถ้าไม่ย้ายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น

2. ถัดมาธุรกิจประกัน

เช่นกันกับกลุ่ม Pension Fund บริษัทประกันเหล่านี้เอาเงินไปวางในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตร นั่นแปลว่าผลตอบแทนของเงินลงทุนจะน้อยลง ๆ เรื่อย ๆ บริษัทประกันจะต้องเพิ่มเบี้ยประกันเรื่อย ๆ หรือไม่ก็จะต้องย้ายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่มากขึ้น เพื่อหวังให้ผลตอบแทนสูงขึ้น จะได้ไม่ต้องไปขึ้นเบี้ยประกันแทน

3. ถัดมาก็กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ต่าง ๆ

ก็จะต้องรับกับผลตอบแทนที่ต่ำลง ๆ เรื่อย ๆ

พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้คุณต้องเลือก ว่าจะ

(A) วางเงินที่สินทรัพย์ปลอดภัย แต่ผลตอบแทนติดลบเล็กน้อย หรือ

(B) จะวางเงินในสินทรัพย์เสี่ยง ที่ผลตอบแทนอาจจะกำไรระเบิด หรือขาดทุนกระจายก็ได้

ถ้าเจ้าของเงินส่วนใหญ่ เลือก "ความปลอดภัย" ตลาดหุ้นหลังจากนี้ก็จะวิ่งยากหน่อย เงินจะจอดนิ่ง ๆ อยู่ในตลาดตราสารหนี้ อย่างพันธบัตร หรือหุ้นกู้เอกชน

แต่ถ้าเจ้าของเงินส่วนใหญ่ เลือก"ผลตอบแทน" ตลาดหุ้นหลังจากนี้อาจจะวิ่งฉิว

วิ่งฉิว ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจโลกกำลังเลวร้ายเนี่ยนะ..!!

ใช่ครับ ถ้าคนบ้าคลั่งเทเงินไหลเข้าตลาดหุ้นจริง ๆ แล้ว ตลาดหุ้นอาจจะวิ่งทำ New All Time High ก็มีความเป็นไปได้

แต่นั่นไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจฟื้นแล้ว

แต่สาเหตุเป็นเพราะ เจ้าของเงิน ทนวางเงินในตลาดตราสารหนี้ที่ผลตอบแทนต่ำเตี้ยติดดินไม่ไหว โดนบีบ ให้ต้องโยกเงินมาลงในตราสารทุนอย่างตลาดหุ้นแทน

คิดในทาง Fundamental แล้ว บริษัทจดทะเบียนกำไรลดลง ๆ เรื่อย ๆ เพราะภาวะเศรษฐกิจ.. แต่ถ้าตลาดหุ้นวิ่งขึ้นเรื่อย ๆ PE ตลาดจะพุ่งขึ้นแรงกว่า

PE อนาคตอาจจะไปถึงระดับ 30-50 เป็นเรื่องธรรมดา ลองดู PE ของตลาด Bombay Stock Exchange ช่วงก่อน Covid ดูเป็นตัวอย่างครับ (ดูภาพ) PE เกือบแตะ 30 นั่นคือช่วงกำไรตลาดยังเป็นปกตินะครับ

อนาคตตลาดหุ้นโลก: Volatility is the new normal

นั่นแปลว่า โลกในอนาคต ตลาดหุ้นอาจจะไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยพื้นฐานอีกต่อไปแล้ว แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยปริมาณเงิน เพราะเงินปริมาณมากในโลก จำเป็นต้องมีที่พักเงินที่ให้ผลตอบแทนที่ดีพอให้พวกเขาอยู่ได้

คิดถึงเหล่า Pension Fund กับบริษัทประกันไว้ การย้ายเงินไม่ใช่ทางเลือก แต่มันคือสิ่งที่ "ต้องทำ" เพื่อการอยู่รอด

หุ้นอาจจะขึ้น ทั้งที่เศรษฐกิจย่ำแย่

แต่เราลืมไม่ได้ว่า การขึ้นแบบไม่มีพื้นฐานรองรับ มันก็คือฟองสบู่ดี ๆ นี่เองครับ

ถึงวันหนึ่งมันก็ต้องแตก ราคาหุ้นจะกลับลงมาที่พื้นฐาน

โลกทุกวันนี้เป็นโลกของการพยายามยื้อชีวิตไม่ให้เศรษฐกิจพัง

โลกเรายื้อมายาวนานร่วมยี่สิบปีแล้วครับ ตั้งแต่ Dot Com bubble, Subprime, Euro Crisis, Covid-19

รัฐบาลทั่วโลก ธนาคารกลางทั่วโลก โกงเกมส์เศรษฐกิจด้วยท่าแปลก ๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์เงิน การลดดอกเบี้ยติดลบ การเป็นเจ้ามือปล่อยกู้ให้รัฐบาลที่ถังแตก

ยิ่งยื้อนาน ตอนมันระเบิด มันยิ่งรุนแรง

รอบนี้เราเจอ Covid-19 การยื้อชีวิตเศรษฐกิจโลกขั้นสุดขีด ผมไม่รู้หรอกว่า ตลาดหุ้นหลังจากนี้

จะวิ่งขึ้นแรงมาก จาก Fund Flow ที่ไหลเข้าตลาดหุ้น หรือ จะตกหนักมาก จากพื้นฐานเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

ที่แน่ ๆ ความผันผวนในตลาดทุนในอนาคตข้างหน้า จะพุ่งขึ้นไปอีกระดับแน่นอน

ถ้าคุณวางเงินในตราสารหนี้แล้วผลตอบแทนต่ำ แต่วางเงินในตลาดทุนแล้วความเสี่ยงสูง

สินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Asset) อาจจะเป็นคำตอบของการลงทุนหลังจากนี้ครับ

นิรันดร์ ประวิทย์ธนา ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/1014780851/posts/10220732486394755/

ดูข่าวต้นฉบับ