บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงแนวรับ 1,600 - 1,610 จุด จากความกังวลภาวะเงินเฟ้อสหรัฐระดับสูงซึ่งส่งผลให้ US bond yield พุ่งขึ้น และเฟดส่งสัญญาณปรับลด QE รวมถึงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด อีกทั้งความขัดแย้งการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ รวมถึงความผันผวนจากการเปลี่ยน Series TFEX ในวันนี้ซึ่งกดดันต่อดัชนี
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy
กลุ่มได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า HANA KCE TU CPF GFPT ASIAN NER
กลุ่มหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัว BANPU LANNA (ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น) DCC COTTO TASCO (ภาวะน้ำท่วม)
หุ้นแนะนำวันนี้
BLA (ปิด 29.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 35) ได้ Sentiment บวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (US Bond yield) กลับมาสูงขึ้นแตะระดับ 1.55% สูงสุดในรอบ 3 เดือน เป็นบวกต่อ BLA ผ่านกำไรจากเงินลงทุนของพอร์ตการลงทุนที่เพิ่มขึ้น
TU (ปิด 21.2 ซื้อ/เป้า 22.60) ได้ Sentiment บวกเงินบาทอ่อนค่ามากสุดในรอบ 4 ปี ธุรกิจเข้าสู่ High season และปลายปีนี้และปีหน้ามี Story นำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คือ 1) TFM) ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2) i-Tail ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่อันดับ 15 ของโลก
ประเด็นสำคัญวันนี้
ดาวโจนส์ร่วง 569 จุด กังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลง 569 จุด (-1.63%) ปิดที่ระดับ 34,300 จุด นักลงทุนเทขายหุ้นโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.55% สูงสุดในรอบ 3 เดือนกังวลภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น หลังจากเมื่อวานนี้ประธานเฟดกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาว่า สหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้
วิกฤติหนี้ Evergrande วันนี้มีกำหนดจ่ายชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้อีก 1 งวด: บริษัท China Evergrande มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,580 ล้านบาท ในวันนี้ซึ่งภาระดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นภาวะของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน มี.ค.ปี 2567 เรามองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ Evergrande จะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้ตามกำหนดคล้ายกับ 2 งวดที่ผิดนัดชำระไปเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา
ประชุม กนง. คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ตามเดิม: เราคงมุมมองเดิมคาดที่ประชุม กนง. จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% โดยมีเหตุผลเดิมคือเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของ ศก. แต่แนะให้ติดตามผลการลงมติจะเป็นเอกฉันฑ์หรือไม่(หากเสียงแตกตลาดอาจจะตีความได้ว่าอาจจะลดดอกเบี้ยในครั้งถัดไปเป็นลบกับกลุ่มแบงก์) รวมถึงติดตามคาดการณ์ GDP ว่าจะเปลี่ยนแปลงจากเดิมหรือไม่ (เดิม กนง. คาด GDP ปีนี้ขยายตัว 0.7% และ 3.7% ในปีหน้า)
