“อีคอนไทย”เผยนายจ้างเริ่มกังวลหลังพบสัญญาณลูกจ้างเริ่มวางเป้าเกษียณการทำงานเฉลี่ยอายุ 45ปีมากขึ้นแถมเด็กจบใหม่ไม่หางานทันทีแต่ขอพักผ่อน 2-3 ปีก่อน เตรียมติดตาม3 ปัจจัยหลักใกล้ชิดหวั่นฉุดการจ้างแรงงานใหม่ครึ่งปีหลัง ทั้งการส่งออกที่ฟันธงติดลบ 1% แรงซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า ขณะนี้นายจ้างกำลังเป็นห่วงถึงสถานการณ์แรงงานไทยที่เริ่มพบว่ามีแรงงานเริ่มเกษียณอายุงานด้วยอายุเฉลี่ยเพียง 45 ปีมากขึ้น ขณะที่แรงงานของเด็กที่จบการศึกษาใหม่อดีตเมื่อจบก็จะหางานทำทันทีกลับพบว่าเด็กรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์ที่ต่างไปจากคนรุ่นเก่าที่จบมาส่วนใหญ่จะใช้เวลาพัก 1-3 ปีจึงทยอยเข้ามาสู่แรงงานในระบบจึงทำให้การประเมินทิศทางการจ้างงานจะยากขึ้นอีก
อย่างไรก็ตามอีคอนไทยกำลังติดตาม3 ปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานภาพรวมในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562อย่างใกล้ชิดได้แก่ 1. การส่งออกปี 2562 ที่มีแนวโน้มสูงที่จะติดลบ 1% 2. การบริโภคในประเทศที่ยังไม่ดีนักจากราคาสินค้าเกษตรหลักๆยังตกต่ำ และ3. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีโดยเฉพาะภาคการผลิตและการค้าเริ่มหันมาใช้ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอีคอมเมิร์ซ มากขึ้น
ทั้งนี้การส่งออกมีแนวโน้มติดลบ 1% ในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนแม้ว่าล่าสุดทิศทางจะคลี่คลายไปบ้างแต่ส่วนใหญ่มองว่าสงครามการค้ายังไม่จบหากแต่เป็นช่วงพักเบรกเท่านั้นและเมื่อพิจารณาตัวเลขส่งออก 5 เดือนแรกปีนี้ที่ติดลบ 2.7% จึงเป็นเรื่องยากที่ส่งออกจะยังเติบโตได้อยู่ ประกอบกับภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าก็จะกดดันการส่งออกให้ลำบากมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกันในแง่การบริโภคในประเทศที่จะมีส่วนต่อการจับจ่ายซื้อสินค้าก็พบว่ายังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรเหตุจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ผ่านมาไม่ดีนักทั้งอ้อย ยางพารา ปาล์มฯลฯ ทำให้ประชากรในภูมิภาคที่เป็นแรงซื้อหลักยังมีการบริโภคต่ำ ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเองก็จะมีผลต่อการจ้างงานเช่นกันโดยเฉพาะในแง่ของการจ้างแรงงานใหม่เพราะโรงงานใหม่ๆเริ่มใช้เทคโนโลยีแทนคนมากขึ้น ขณะเดียวกันระบบการเงินและการค้าขายก็เริ่มหันไปพึ่งระบบออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซทดแทนบางส่วน
“ ด้วยปัจจัยดังกล่าวหลักๆ คิดว่าการจ้างงานใหม่จากนี้ไปคงจะมีไม่มากนัก แต่ด้วยปัจจัยสงครามการค้าและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงก็ทำให้การพยากรณ์ไปข้างหน้าไม่ง่ายเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นจึงไม่มีค่าพยากรณ์ที่จะเป็นตัวเปรียบเทียบ แต่ตัวเลขการมีงานทำซึ่งรายงานโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่ามีผู้ว่างงานราว 3.63 แสนคนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนการว่างงานลดลง 6.3 หมื่นคน ซึ่งคาดว่าผลกระทบต่างๆน่าจะสะท้อนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ไปเพราะขณะนี้สัญญาณสภาพคล่องทางธุรกิจตึงตัวเริ่มมีแล้ว ดังนั้นรัฐบาลใหม่จะต้องเร่งเข้ามาบริหารรับมือทั้งกระตุ้นกำลังซื้อที่ส่งถึงชาวบ้านจริงๆ การดูแลเรื่องส่งออก เป็นต้น”นายธนิตกล่าว
🤡🐼🥓🍺🍁🥳 เอาง่ายๆเลยครับ คนไทยขี้เกียจ
08 ก.ค. 2562 เวลา 09.40 น.
🌸M .. Np 11 เอาจริงนะ เด็กส่วนมากจบมาก็จะหางานทำกันทั้งนั้นแหละ มีแต่ลูกคนมีจะกิน ไม่เดือดร้อนยังไม่อยากจะทำงาน และเรียนไม่ตรงสาขาด้วย ความรู้กับงานที่จะสมัคร มันไม่สัมพันธ์กัน ทำให้เกิดการว่าวงานกันเยอะ
08 ก.ค. 2562 เวลา 10.01 น.
จ่าเหมียว แมวเซา นายจ้างพูดฝ่ายเดียว จะหาเหตุปลดแรงงาน ไม่ขึ้นค่าแรง และจะขอโควต้าพาต่างด้าวเข้าซะมากกว่า ลูกจ้างหางานแทบตายไม่มีคนจ้าง อ้างแต่ต้องมีประสบการณ์ คนเก่าในระบบก็หาเรื่องลดเงิน ปลดออก
08 ก.ค. 2562 เวลา 12.39 น.
kansaran ตัวอย่างพ่อซื้อบิ๊กไบ๊ให้ 13ปีขับไปชนชาวบ้านสร้างความเดือดร้อน มันยังไม่กล้าด่ากล้าสอน ขาขาดมันคงซื้อขาให้ลูกมันได้..
08 ก.ค. 2562 เวลา 09.10 น.
Dy/DX_x²=2x คนจนก็จนเร่งหางานกัน...พวกเด็กจบใหม่ไม่มีวุฒิภาวะ....เห้อประเทศไทย
08 ก.ค. 2562 เวลา 09.12 น.
ดูทั้งหมด