ผู้สูงอายุชาวไทยถูกผลักล้มจนเสียชีวิต ลูกครึ่งชาวอเมริกันเชื้อสายฟิลิปปินส์ถูกมีดกรีดหน้าจนเป็นแผลบนรถไฟใต้ดิน หญิงชาวจีนถูกตบและจุดไฟเผา
เหล่านี้เป็นเพียงเหตุการณ์ส่วนหนึ่งของความรุนแรงที่เกิดกับชาวเอเชีย และชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียในประเทศสหรัฐอเมริกา ยังไม่ร่วมเหตุการณ์กราดยิงล่าสุด (วันที่ 17 มี.ค. 64) ที่เกิดขึ้นในร้านสปาในเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ส่งผลให้พนักงานหญิงชาวเอเชียจำนวน 6 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
คดีที่ชาวเอเชียตกเป็นเหยื่อความรุนแรงยังมีจำนวนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด19 นักวิชาการหลายคนแสดงความเห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้คือ "อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง" อันถูกเชื่อมโยงมาจากต้นตอของไวรัสตัวร้าย ที่ทำให้ชาวเอเชียตกเป็น "เป้า" ให้ผู้มีอคติโจมตีเสมอมา ไม่ว่าจะทางวาจา หรือทางร่างกาย
สถิติพุ่ง คนเอเชียเป็นเหยื่อ Hate Crime เพิ่มขึ้น 150% จากปีที่ผ่านมา
ในประเทศสหรัฐอเมริกา สถานการณ์ของชาวเอเชียทวีความน่าเป็นห่วงขึ้นทุกวัน สถิติล่าสุดจาก Center of the Study of Hate and Extremism จาก California State university เผยว่า จากการสำรวจคดีที่เกิดจากการเกลียดชังคนเอเชียในเมืองใหญ่ในสหรัฐอเมริกา พบว่าคดีที่มีเหยื่อเป็นคนเอเชียมีจำนวนมากขึ้นกว่า 150 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020
ผู้เชี่ยวชาญ Karthick Ramakrishnan ผู้ก่อตั้ง AAPI Data ยังเชื่อว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีส่วนทำให้การเหยียดเชื้อชาติในอเมริกาทวีความรุนแรง ด้วยทัศนคติของเจ้าตัวที่เคยออกมาพูดว่าโควิด19 คือ "ไวรัสจีน" หรือ "Kung flu"
โดยประเภทของการเหยียดที่เกิดขึ้นมากที่สุดได้แก่ การทำร้ายด้วยคำพูด อย่าง การก่นด่าหรือพ่นคำหยาบคายใส่ รองลงมาคือการผลักไส ถัดมาคือการทำร้ายร่างกาย ต่อด้วยการทำเป็นไอใส่ หรือทำเหมือนชาวเอเชียคือเชื้อโรค และลำดับสุดท้ายได้แก่การเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน หรือการปฏิเสธไม่รับการบริการจากพนักงานบริการที่เป็นชาวเอเชีย
ดาราชาวเอเชียร่วมเป็นกระบอกเสียง
ศิลปินและนักแสดงชาวเอเชียจำนวนมากออกมาแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์นี้ เกิดแฮชแท็ก #StopAsianHate และ #AsiansArehuman ติดเทรนด์โลกในทวิตเตอร์ โดยเหตุการณ์กราดยิงล่าสุด Simu Liu นักแสดงจากจักรวาลMarvel ซึ่งเป็นชาวแคนาดาเชื้อสายจีนที่มักร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านการเหยียดชาวเอเชียเสมอ ก็ออกมาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ด้านLana Condor นักแสดงสาวขวัญใจวัยรุ่นจากภาพยนตร์เรื่อง To All the Boys I've Loved Before ก็ได้ทวีตข้อความแสดงความเป็นห่วงต่อครอบครัวและเพื่อนชาวเอเชียเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทผลิตเกมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างBandai Namco ยังออกแถลงการณ์เรียกร้องให้แฟนๆ ร่วมต่อต้านการเหยียดชาวเอเชียอย่างจริงจัง
ก่อนหน้านั้นยังมี Chissy Teigan, Awkwafina และคนดังฮอลลีวู้ดเชื้อสายเอเชียมากมายที่ร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรงผ่านแฮชแท็กเดียวกันนี้ หลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียมากมายในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ความเกลียดชังที่เกิดจาก "อคติ"
กลุ่มคนเอเชียในสหรัฐอเมริกามักมีภาพจำเป็น "อีลีท" หรือชนชั้นสูงในภาพยนตร์หรือสื่อตะวันตก เรามักเห็นมีมคนเอเชียคิดเลขเก่ง คนเอเชียเป็นหมอ หรือภาพมหาเศรษฐีชาวเอเชีย อย่างในภาพยนตร์เรื่องCrazy Rich Asians หรือซีรีส์ Bling Empire ที่แม้แต่คนเอเชียอย่างเราดูก็ยังอดนึกอิจฉาไม่ได้ว่า "มันมีคนเอเชียที่รวยเบอร์นั้นจริงๆ เหรอ?"
ด้วยภาพจำเหล่านี้เอง ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากมองว่าชาวเอเชียมีชีวิตที่ดี และมีเส้นทางชีวิตสุขสบายในประเทศของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นชุดความคิดที่ผิดจากความจริงไปมากโข เพราะในทางกลับกันยังมีชาวเอเชียที่อพยพไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวนมากมีสภาพเป็นคนไร้บ้าน ซ้ำร้ายผู้อพยพเหล่านี้ยังเป็นกลุ่มคนที่มีคุณภาพชีวิตต่ำที่สุดในมหานครนิวยอร์ก
"การเหยียดเชื้อชาติ" จึงเกิดขึ้นจากชุดความคิดผิดๆ เหล่านี้ และทำให้ผู้มีอคติหลายคนคิดว่าการเหยียด การกลั่นแกล้ง หรือการทำร้ายชาวเอเชียไม่ใช่เรื่องผิด เหตุเพราะพวกเขาส่วนหนึ่งเข้าใจว่าเป็นเพียงการกระทำของผู้น้อย ต่อชนชั้นสูงที่มากอบโกยผลประโยชน์จากประเทศของพวกเขานั่นเอง
แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยกล่าวประณามการเหยียดเชื้อชาติไว้ว่า การเกลียดชังคนเอเชียนั้นเป็นสิ่งที่ "ไม่อเมริกัน" (Un-American) เอาเสียเลยและจำเป็นต้องหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ให้เร็วที่สุด แต่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียหลายคนก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย ในขณะที่ "ชาวเน็ต" ทั่วโลกรวมถึงนักเคลื่อนไหวและองค์กรต่อต้านความเกลียดชัง ต่างก็รวมใจกันสุดแรงเพื่อรณรงค์ให้ทุกคนเข้าใจว่าการเหยียดคนเอเชียไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และพวกเขาไม่ควรตกอยู่สถานะ "แพะรับบาป" ในอคติของคนบางกลุ่มอีกต่อไป
-
อ้างอิง
Arms Vc องค์กรสิทธิมนุษยชน ทนายสิทธิมนุษย์ชน,human right watch,แอมเนสตี้.....แสดงตัวและจุดยืนหน่อยเร็ว หายไปไหนหมด😂
17 มี.ค. 2564 เวลา 23.29 น.
เป้ การเหยียดผิวเป็นที่มาของวัฒนธรรมล่าอาณานิคม ที่อ้างความแตกต่างข้อด้อยล้าหลังแล้วเข้าข่มขู่รุกรานเข่นฆ่าแย่งชิงเอาทรัพยากรของชนชาติอื่นอย่างชอบธรรมในแบบของเขา อาจดูเหมือนหมดไปแล้วแต่มันยังแฝงอยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า ปชต.ซึ่งแท้จริงแล้วคือมีเสรีภาพเสมอภาคในกลุ่มคนของตนเองประเทศตนเองแต่ปฏิบัติกับกลุ่มคนอื่นประเทศอื่นแบบล่าอาณานิคม
18 มี.ค. 2564 เวลา 05.25 น.
ปุ่น เมืองชล สมกับเป็นประเทศแม่แบบแห่งประชาธิปไตยจริงๆ
จะเกลียดจะทำร้ายใครก็ได้เท่าที่ตัวเองต้องการ
สามกีบน่าจะย้ายไปอยู่กันให้หมดนะ 🐃🐃🐃🤣
17 มี.ค. 2564 เวลา 22.49 น.
GяέέηÇţŽёη..¸.•´ɱc .
ความอิจฉาริษยา
นั่นแหละ
คือ ต้นเหตุ
กลับถิ่นกำเนิดของตนเถิด
จะอยู่เป็น ปชช ชั้น 2
อยู่ทำไม
17 มี.ค. 2564 เวลา 23.13 น.
aday แล้วทำไมเราไม่ตีกลับความเกลียดชังกลับสู่ฝั่งโน้นบ้าง.
#ให้มันรู้บ้างไงว่าเราก็เกลียดมันไม่ต่างกัน.
17 มี.ค. 2564 เวลา 23.50 น.
ดูทั้งหมด