มีการศึกษาพบว่าน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากน้ำเปล่าในประเทศสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อน้ำอัดลมประมาณ 57 แกลลอน/คน/ปี ทั้งๆที่มีประเด็นในเรื่องของแคลอรี่และสารเคมีอันตรายที่ก่อให้เกิดโรคอ้วน แต่เราก็ยังติดมันงอมแงมใช่ไหม? หากคุณยังไม่ละทิ้งนิสัยดื่มน้ำอัดลมทีละ 1-2 ขวดต่อวันก็อาจถึงเวลาแล้วที่สาวๆต้องยอมรับการพ่ายแพ้ ไม่เชื่อใช่ไหม? ลองดูรายละเอียดด้านล่างสิ!
ปัญหาแคลอรี่
หากคุณมีนิสัยชอบดื่มโค้กกระป๋องล้างปากหลังจากรับประทานอาหารเลี่ยนๆเข้าไป หรือเพิ่มปริมาณคาเฟอีนในช่วงบ่าย นั่นล่ะคุณกำลังรับแคลอรี่เข้าสู่ร่างกายมากเกินไป รู้หรือไม่ว่าในโค้ก 1 กระป๋องจะมีแคลอรี่เพียง 140 แคลอรี่ แต่มีน้ำตาลเกือบ 40 กรัม ตายแล้ว! อาจดูเหมือนไม่อันตรายเท่าไหร่กับการดื่มน้ำอัดลม 1-2 กระป๋อง แต่เมื่อน้ำอัดลมเข้าไปในร่างกายของเรา ตับอ่อนจะปล่อยอินซูลินเพื่อตอบสนองต่อน้ำตาลอย่างรวดเร็ว จากนั้นน้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดและถูกลำเลียงไปยังเซลล์เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน หากระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตับจะตอบสนองต่ออินซูลินโดยการกักเก็บน้ำตาลส่วนเกินและเปลี่ยนเป็นไขมัน ดังนั้นคุณบอกลาบิกินี่ไปได้เลย!
ปัญหาสารเคมี
หากบอกว่าน้ำอัดลมสูตรไดเอทเป็นทางเลือกที่ปราศจากแคลอรี่ แต่น้ำตาลทั้งหมดนั้นจะถูกแทนที่ด้วยอะไรสักอย่างที่ทำให้คนเราติดใจในรสชาติ แล้วสารอะไรล่ะที่สร้างหายนะมหาศาลในร่างกายของเรา? สารเหล่านั้นจะช่วยเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปอด ได้แก่ กรดฟอสฟอริก โพแทสเซียมซิเตรท และสารแอสปาแตม โดยเฉพาะสารแอสปาแตมนั้นจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบในร่างกายของเรา อันประกอบไปด้วยสารเคมี 3 ชนิด ได้แก่ กรดแอสปาร์ติก ฟีนิลลาลานีน และเมทานอล ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ขณะเดียวกันสารแอสปาแตมก็สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงได้ เช่น เนื้องอกในสมอง เส้นโลหิตตีบตัน อัลไซเมอร์ เบาหวาน มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ปัญญาอ่อน และอีกมากมาย
นอกจากนี้ยังส่งผลข้างเคียงระยะสั้นด้วย ได้แก่
- ละลายสารเคลือบฟัน : จำนวนน้ำตาลและกรดในน้ำอัดลมเมื่อรวมกันจะส่งผลให้สารเคลือบฟันหายไปและไม่สามารถแทนที่ได้อีก ดังนั้นควรดื่มเท่าที่จำเป็น!
- โรคหืดหอบ : โซเดียมเบนโซเอตเป็นสารเคมีที่พบในน้ำอัดลมส่วนใหญ่ เป็นสารกันบูดที่เพิ่มโซเดียมให้กับเครื่องดื่มสุดโปรดของเรา และโซเดียมเบนโซเอตยังไปยับยั้งโพแทสเซียมที่มีอยู่ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นโรคหืดหอบได้
- ผลเสียต่อไต : น้ำอัดลมประกอบไปด้วยกรดฟอสฟอริกระดับสูงซึ่งไม่เป็นผลดีต่อไต ทำให้เกิดปัญหาในไตอย่างรุนแรง รวมทั้งโรคนิ่วในไตด้วย
- เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ : หนึ่งในส่วนผสมที่อันตรายสุดๆของน้ำอัดลมคือน้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตส สารให้ความหวานที่สามารถทำให้เหยื่อตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่าเมตาบอลิคซินโดรม ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
- ภาวะแทรกซ้อนการสืบพันธุ์ : สำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร น้ำอัดลมคืออุปสรรคอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากน้ำอัดลมประกอบไปด้วยเรซินที่มีสารเคมี BPA ทำให้เกิดโรคมะเร็งที่สร้างความเสียหายต่อระบบต่อมไร้ท่อและมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก
การศึกษาที่ Harvard พบว่าน้ำอัดลมที่เราดื่มในแต่ละวันสามารถเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 1.6 เท่า หากคุณไม่ต้องการรับความเสี่ยงก็ยังมีเครื่องดื่มชนิดอื่นๆที่คุณสามารถเลือกดื่มแทนได้ในครั้งต่อไป
เมื่อวานเพิ่งอ่านบทความ 'ข้อดีและข้อเสียของสารให้ความหวานสังเคราะห์' ของแหล่งข่าวเดียวกัน
เนื้อหาบอกว่า องค์การอาหารและยาประกาศให้ 'แอสปาแตม' ปลอดภัย
แต่บทความนี้บอกว่า แอสปาแตม สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงต่างๆได้
เขียนขัดแย้งกันเอง คนอ่านงง!!!
06 ส.ค. 2561 เวลา 20.22 น.
วิโรจน์ Line today กำลังทำเหมือนอีเมล์ลูกโซ่ เริ่มจากมีคนเขียน blog แต่แหล่งที่มาของข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ แล้วเว็บไทยก็แปลมา ส่วน Line today ก็เอามาเผยแพร่ต่อ คนอ่านก็สับสน
21 ต.ค. 2561 เวลา 02.35 น.
งงชิหาย ดื่มได้มั้ยตกลงกลัวอ้วนก็กลัวสารให้ความหวานก็กลัว......ไม่ต้องดื่มเลยดีกว่า
07 ส.ค. 2561 เวลา 00.51 น.
คืออะไรครับ อาการอนามัยโลก บอกว่าเอสปาแตมปลอดภัย งง????
20 ต.ค. 2561 เวลา 19.17 น.
<She> ไปแจ้งความจับบริษัทผู้ผลิตได้ไหม
07 ส.ค. 2561 เวลา 02.49 น.
ดูทั้งหมด