ไอที ธุรกิจ

"ปรเมธี" ฝาก 3 ข้อเสนอรัฐหัวหอกลุยลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ปลุกจีดีพีปีหน้าฟื้น

ประชาชาติธุรกิจ
อัพเดต 13 ธ.ค. 2562 เวลา 09.46 น. • เผยแพร่ 13 ธ.ค. 2562 เวลา 09.17 น.

สัมมนาเชียงใหม่ 2020 #เปลี่ยนก่อนถูกเปลี่ยน “ปรเมธี” ฝาก 3 ข้อเสนอรัฐหัวหอกลุยลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ปลุกจีดีพีปีหน้าฟื้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการสัมมนา “เชียงใหม่ 2020” #เปลี่ยน ก่อนถูกเปลี่ยน ซึ่งหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวบรรยายในหัวข้อ “รับมือเศรษฐกิจและสังคมยุคใหม่” ว่าอยากฝากข้อเสนอถึงรัฐบาล 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ภาครัฐมีความจำเป็นต้องเป็นผู้นำการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสและสร้างสมดุลให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน 2.จะต้องเดินหน้าผลักดันเรื่องดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น พร้อมกับมีการรองรับการปรับตัวของตลาดแรงงาน 3.ทุกคนต้องรับผิดชอบกับสังคมร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนช่วยให้ทุกภาคธุรกิจปรับตัวเดินไปด้วยกันพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2.5-2.6% ต่ำกว่าปี 2561 ที่ขยายตัว 4% เป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ทำให้ผลผลิตในซัพพลายเชนเดือดร้อน ส่วนปี 2563 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว แต่คงดีขึ้นกว่าปีนี้เล็กน้อย จากมาตรการต่างๆ ที่ออกมากระตุ้น แม้สงครามการค้าสหรัฐ-จีนยังมีความเสี่ยงแต่จะลดความรุนแรงไม่เท่าปีนี้ นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เลื่อนการใช้ภาษีสินค้าจีนไปก่อน และจะมีการเลือกตั้งอเมริกา ส่วนข้อตกลงเรื่องการถอนสหราชอาณาจักรออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) คงจะเดินหน้าต่อมีเวลา 1 ปี ถ้าเงื่อนไขไม่สำเร็จคงจะออกจากอียูโดยไม่มีเงื่อนไข (Brexit with no deal)

“สงครามการค้าสหรัฐ-จีน มีผลบวกบางจุดกับไทย เพราะจีนหันมาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งไปสหรัฐ และหันมาใช้สินค้าไทยบางส่วนทดแทน ส่วนเบร็กซิตอังกฤษออกจากอียู ไทยไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่กลับไทยได้ประโยชน์ เพราะประเทศคู่แข่งที่เคยได้รับสิทธิประโยชน์ในการส่งออกจะไม่ได้รับสิทธิเหล่านั้นอีกต่อไป”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาตั้งแต่ปี 2560 เหตุจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด แต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าช่วงที่ผ่านส่งผลกระทบต่อการส่งออกลำบาก ซึ่ง ธปท.ได้เข้าไปดูแล แต่ปีหน้า ค่าเงินยังแข็งค่าแต่ไม่แรงเท่าปีนี้ เนื่องจาก ธปท.ได้พยายามผ่อนปรนกฎระเบียบ การนำเข้าเงินดอลลาร์มาแลกเงินบาท แต่ไม่สามารถทำให้อ่อนได้มาก

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • mongkon(tiew)
    แทนที่จะส่งเสริมให้เอกชนลงทุนต่างแดนให้มากขึ้นแบบ​ SME​ แล้วส่งกลับมาให้คนในประเทศที่มีฝีมือประกอบส่งออกขายต่ำกว่าเดิมได้แต่คุณภาพคับแก้วกว่ามัวมะงุมะหราแจกนั้นแจกนี่พร่ำเพรื่อแล้วมโนตัวเลขไตรมาสนั้นนี้จะดีขึ้น​ น่าจะเห็นผลเร็วกว่าไม่ทำ​ เงินบาทจะอ่อนค่าเอง​ เชื่อดิไอ้​ ดร.ขี้ทะโล้โท้ทั้งหลาย
    13 ธ.ค. 2562 เวลา 14.52 น.
  • Tomvorapot
    ผมว่า... ปัญหาของประเทศคือ ทีมเศรษฐกิจบริหาร"การคลัง" ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศ ทั้งๆที่เรามีระบบการเงินที่มั่นคง ตัวอย่างง่ายๆ เราใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ทำให้มีข้อดีหลายๆอย่าง ประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก ต่างดึงมาใช้กันเต็มที่ และเงินบาทเราแข็งค่า ขณะที่ประเทศอื่นเป็นร้อยไม่เคยได้โอกาสนี้ แต่รัฐบาลใช้จุดแข็งหรือ แต้มต่อมหาศาล (ที่เป็นของคนไทยตาดำๆทั้งประเทศ ไม่ว่าอยู่ใกล้ไกลยากดีมีจน) ให้เป็นประโยชน์แก่พวกเขาไม่เป็น แถมบอกให้ทุกฝ่าย ช่วยทำให้จุดแข็งนี้อ่อนลง นี่คือเกมส์ที่ควรปรับด่วน!
    13 ธ.ค. 2562 เวลา 13.34 น.
ดูทั้งหมด