การระเบิดคลังครั้งใหญ่ของ เชลซี ท่ามกลางพิษเศรษฐกิจจาก โควิด-19

ถึงตรงนี้อาจจะเหลือแค่เพียงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเท่านั้นสำหรับดีลของ ติโม แวร์เนอร์ กับเชลซี ที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีรายงานข่าวออกมาว่าทัพ "สิงห์บลู" ยอมที่จะจ่ายค่าฉีกสัญญาจำนวน 54 ล้านปอนด์ ให้กับ แอลเบ ไลป์ซิก เพื่อปิดดีลหัวหอกชาวเยอรมันผู้นี้

ถ้าย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมาชื่อของ แวร์เนอร์ กับ เชลซี แทบจะถูกจับมาเชื่อโยงกันน้อยครั้งมาก เพราะดาวเตะผู้นี้ดูเหมือนจะเอนเอียงไปทาง ลิเวอร์พูล เสียมากกว่า ก่อนที่การดำเนินการของบอร์ดบริหาร เชลซี จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากใช้เวลาไม่นานในการเจรจาจนมีข่าวออกมาว่า แวร์เนอร์ เตรียมย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของทีม

ซึ่งถ้าดีลมันสำเร็จลุล่วงแบบ 100% นั้นก็จะเท่ากับว่า เชลซี จะเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับแข้งใหม่ถึง 2 คนเข้าให้แล้วประกอบไปด้วย ฮาคิม ซีเย็ค จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ราคาค่าตัว 37 ล้านปอนด์ และในรายของ ติโม แวร์เนอร์ ที่จำนวน 54 ล้านปอนด์ รวมแล้ว 2 ดีลนี้พวกเขาต้องควักกระเป๋าไปแล้วกว่า 91 ล้านปอนด์

และแน่นอนว่าตลาดนักเตะของพวกเขายังไม่ปิดประตูเพียงเท่านี้ …

ถึงแม้ในสถานการณ์ที่แทบทุกสโมสรต้องขัดเข็มขัดเรื่องของการใช้จ่าย เนื่องจากสะบักสะบอมกับการถูกพิษ โควิด-19 เล่นงานเข้าอย่างหนัก แต่ทว่ากับ เชลซี พวกเขาไม่ได้หวาดกลัวกับสถานการณ์ในชั่วโมงนี้แต่อย่างใด ไม่ต้องมาคอยวิตกว่าจะต้องควักเงินในจำนวนมาก ซึ่งมันก็เลยทำให้แฟนบอลได้ชื่นใจกับนักเตะใหม่ที่กำลังจะเดินเข้ามา

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในช่วงขวบปีที่ผ่านมาทีมไม่ได้จับจ่ายเงินออกจากคลังเลยสักปอนด์เดียวในกรณีการคว้าแข้งใหม่เข้าสู่ทีม เนื่องด้วยพวกเขาถูกแบนการซื้อนักเตะเป็นเวลา 2 ตลาด ด้วยกันประกอบด้วยช่วงซัมเมอร์ 2019 และตลาดหน้าหนาว 2020 ซึ่งพอพวกเขาใกล้ที่จะถูกปลดล็อคจากโทษดังกล่าว ก็เลยจัดการลงตลาดแต่งเติมส่วนที่ขาดหายไปในช่วงฤดูกาลนี้

นอกจาก 2 รายที่กล่าวมาข้างต้นในลิสต์รายชื่อที่ถืออยู่ในมือ แลมพาร์ด ยังต้องการนักเตะในตำแหน่งแบ็คซ้าย และเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ อีกอย่างน้อยตำแหน่งละ 1 คน ซึ่งดูจากทิศทางของข่าวแล้วเป้าหมาย 1 ในนั้นก็คือ เบน ชิลเวลส์ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ แน่นอนค่าตัวของเจ้าหมอนี้ก็ดูจะไม่ธรรมดาอีกเช่นกัน 

ซึ่งแต่ละรายที่คว้าเข้ามา รวมไปถึงแข้งที่อยากจะได้ต่อจากนี้ล้วนแล้วมาจากความต้องของ แลมพาร์ด เพราะย้อนกลับไปช่วงที่เขารับไม้ต่อจาก เมาริซิโอ ซาร์รี่ เจ้าตัวยอมทำงานในขวบปีแรกที่ไม่อาจแต่งเติมทีมได้ แต่ถ้าโทษดังกล่าวมันหายไป เขาขอเป็นคนเลือกเองว่าจะเดินหน้า และต้องการใครมาเสริมทัพบ้าง หรือพูดง่ายๆ คือไม่ให้ใครมายุ่งเรื่องการซื้อ-ขาย เลย

โดยการลงตลาดในครั้งนี้บอร์ดบริหารเลยต้องลงมือเร็ว คิดไว ทำไว้ เพื่อเป็นการเดินหน้าโปรเจกต์ไล่ล่าความสำเร็จ ตอบสนองความต้องการของกุนซืออย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด เพราะเด็กในคาถาของเขาในฤดูกาลนี้ค่อนข้างพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายังไม่เหนียวแน่นพอในการเบียดลุ้นความสำเร็จ ถ้าจะพอมีสิ่งสู้ได้คงเป็นเรื่องของความสด และใจที่พร้อมถวายตัวสู้กันอย่างเต็มที่

แน่นอนเมื่อนำกลุ่มแข้งดาวรุ่งสดใหม่มาผสมกับแข้งใหม่ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์มามากพอควร มันคงจะออกมารสชาติกลมกล่อมไม่ใช่น้อย ตามสไตล์การเล่น และแนวทางของ แลมพาร์ด ที่เน้นเอนเตอร์เทน, เพรสซิ่งหนัก,  เคลื่อนบอลเร็ว และจบสกอร์ให้เฉียบขาด

นอกจากนั้นแฟนบอลยังสามารถคาดหวังกับชุดนี้ได้แบบยาวๆ เพราะจุดประสงค์หลักของคือ แลมพาร์ด คือต้องการสร้าง เชลซี ด้วยกลุ่มผู้เล่นอายุน้อย เพื่อปูพื้นฐานความสำเร็จในระยะยาว 

เมสัน เมาท์ 21 ปี, แทมมี่ อบราฮัม 22 ปี, คริสเตียน พูลิซิช 21 ปี, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย 19 ปี, ติโม แวร์เนอร์ 24 ปี หรือแม้กระทั่ง ฮาคิม ซีเย็ค ที่อยู่ในวัยพีค 27 ปี ซึ่งจะสวนทางกับกลุ่มผู้เล่นที่วัยแตะเลข 3 กันหมดแล้วอย่าง เปโดร โรดริเกซ, วิลเลี่ยน หรือ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่กำลังจะสวนทางเดินออกไป

ซึ่งนับจนมาถึงตรงนี้ดูเหมือน โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเองก็แฮปปี้กับสถานการณ์ของทีม และพร้อมที่จะทุบคลังไล่ล่าสตาร์ดังเข้าสู่ทีม เพื่อต่อเติมความฝัน และกลับมาเป็นเต้ยของฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง แน่นอนเงินในธนาคารของเขายังเหลือมากพอที่จะให้ แลมพาร์ด จับจ่ายใช้สอยให้ทีมสมบูรณ์แบบที่สุด

และกับดีลที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเหมือนเป็นสัญญาณที่เตือนเหล่าบรรดาทีมต่างๆ ว่า อบราโมวิช ได้เดินหน้าใส่เกียร์ 5 แล้ว ซึ่งก้าวต่อไปจากนี้มันน่าสนใจเหลือเกินว่ามันจะเป็นอย่างไร สตาร์คนไหนจะถูกดูดเข้ามาสู่ทีมอีก

ยอมรับเสียเถิดว่า เชลซี ในตลาดรอบนี้เคลื่อนตัวในรูปแบบไหนมันก็น่าสนใจไปเสียหมด …

เปา ขอบสนาม

ติดตามไลน์ขอบสนามเพิ่มเติม