คนหลายคนชอบคิดว่าตัวเองมี Empathy หรือเห็นอกเห็นใจคนอื่น ทั้งๆที่ความจริงไม่มีเลย แล้วนี่ก็เป็นอุปสรรคใหญ่ๆอันนึงที่ทำให้คนไม่ได้ขวนขวายอยากจะเพิ่มทักษะการมี Empathy เพราะคิดว่าตัวเองจิตใจดีแล้ว มีความเห็นใจคนอื่นเป็นทุนตามธรรมชาติ จริง ๆ แล้วมันมีวิธีเช็ค แล้วมันก็มีระดับของมัน 5 ระดับ ** “นี่หนูเชื่อเรื่องบุญไหม…” ป้านิดในวัย 82 ที่นั่งอยู่บนเบาะหลังรถของเพื่อนบ้านที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน “หนูเนี่ยนะได้บุญเยอะมาก มีน้ำใจแวะรับป้า หนูกับแม่ได้บุญเยอะน๊า” ป้านิดพูดด้วยน้ำเสียงดีใจปนโล่งใจที่มีรถของคนไม่รู้จักจอดรับป้าที่กำลังเดินอยู่กลางแดดตอนเที่ยงครึ่ง ภายใต้ร่มสีบานเย็นมีหญิงสูงไวผมขาวทาปากสีม่วงบานเย็นสีเดียวกับร่มที่ใช้ ป้านิดใส่กางเกงขายาวและรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด ป้าเดินอยู่ลำพังเพื่อรอให้วินมอเตอร์ไซค์ซักคันโฉบผ่านมาให้เรียก แต่รถของเพื่อนบ้านคันหนึ่งจอดประกบเสียก่อน “ป้าคะ แดดร้อนมากนะคะ ไปปากซอยไหม ไปด้วยกันไหมคะ” ป้านิดหุบร่มทันทีและกระโดดขึ้นรถด้วยความดีใจ คือจุดที่ป้ายืนอยู่ห่างจากปากซอยใหญ่ 600 เมตรได้ “นี่หนูเชื่อเรื่องบุญไหม…” ป้านิดเปล่งเสียงด้วยความดีใจและโล่งใจที่ไม่ต้องเดินระยะไกลขนาดนั้น “…อืม เรื่องบุญไม่ค่อยแน่ใจค่ะ แต่เห็นป้าเดินกลางแดดแล้วดูเหมือนก็จะออกไปทางเดียวกันก็เลยแวะถาม ก็ธรรมดานะคะป้า”“ไม่จริงอ่ะ ป้าเดินอย่างนี้บ่อย รถก็ผ่านไปเฉยๆ ไม่เห็นมีใครหยุดถาม” ป้านิดยืนยันว่าป้าได้รับ Empathy จากเพื่อนบ้านคนนี้และเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ซึ่งเพื่อนบ้านคนนี้ มีความเห็นใจระดับ3 แล้ว เป็นระดับที่คนเราสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของอีกคนหนึ่งและมองเห็นความนึกคิดของเขา แล้วสื่อสารออกมาว่าสัมผัสมันได้ การที่เพื่อนบ้านจอดรถ ลดกระจกแล้วหยุดถามป้านิด นั่นคือการแสดงออกทั้งภาษาร่างกายที่เป็นการกระทำและภาษาพูดว่ารับรู้ว่าป้านิดร้อนและเผชิญความลำบากและต้องการจะหาตัวช่วยเพื่อให้ไปปากซอย เชื่อว่าเวลาที่คนมองเห็นคนที่เดินกลางแดดบนท้องถนน ก็ไม่ใช่ทุกคนอยากจะมีความเกี่ยวพันกับคนคนนั้นจนถึงขั้นหยุดเพื่อสื่อสารอะไร บางคนเห็นแล้วแต่ไม่กล้าแวะถามทักเพราะอาย กังวลว่าถ้าเกิดจอดถามแล้วถูกปฏิเสธก็จะยิ่งหน้าแตกไปอีก ห่วงแต่ความรู้สึกตัวเอง หรือบางคนเห็นแล้วก็แต่คิดเหมาเอาเองว่ามนุษย์คนนั้นคงอยากเดิน หรือไม่ก็คิดเองว่าเค้าคงไม่ได้ไปทางเดียวกับเราหรอก หรืออาจจะค่อนแคะไปอีกว่าก็ช่วยไม่ได้ไม่ซื้อรถเอง มนุษย์ที่เพิ่งกล่าวมาทั้งหมดนี้มี Empathy อยู่ระดับที่1 ต่ำสุดเลย คือ เห็นคนอีกคน แต่ไม่เห็นเยื่อใยความเกี่ยวโยงใดใดระหว่างตัวเรากับตัวเขาเลย หรือไม่ก็เห็นแต่ความคิดและรู้สึกของตัวเองเป็นตัวตั้ง ประมาณว่า “ฉันรู้น่าว่าป้าเค้าอยากเดิน!” มั่นใจแต่ความคิดตัวเอง แล้วไม่เหลือพื้นที่ว่างใดใดให้กับความจริงของอีกฝั่งเลย แบบนี้เรียก Empathy เท่ากับศูนย์ Empathy ระดับนี้คือ “สายไม่แคร์ ไม่เกี่ยวกัน ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ชีวิตนี้ฉันแค่ฉันก็เยอะมากพอแล้วสำหรับชีวิต” มนุษย์ Empathy เท่ากับศูนย์เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้กับคนที่อาจจะมี Empathy มากๆเป็นทุนเดิม แต่กำลังจ่อมจมอยู่กับภาวะเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าหรือแก้ปัญหาชีวิตตัวเองยังไม่ตก บางทีเราก็อยากจะปิดประตูความคิดความรู้สึกให้ตัวเองอยู่กับตัวเองก็เกิดขึ้นได้ แต่บางคนก็มี Empathy ระดับนี้เสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่เยาว์วัยไล่ไปจนแก่ เขาเหล่านี้ก็จะเหงา ๆ โกรธ ๆ โลกสักหน่อยเวลาที่โตมาแล้วต้องการใครสักคน แล้วมันก็มี Empathy ระดับกระเถิบขึ้นมาอีกนิด ระดับที่ 2บางคนอาจจะเห็นป้านิดคนนั้นแล้วแล้วอธิษฐานจิตขอให้คนนั้นเดินเจอวินมอเตอร์ไซค์โดยไวด้วยเทอญ หรือรู้สึกได้ว่าป้านิดต้องร้อนมาก ๆ แน่แล้วก็หันไปก่นด่าลูกหลานป้านิดในใจว่าทำไมไม่ดูแลป้าให้ดีกว่านี้ หรืออาจจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลำบากในความร้อนแดดของป้าแต่คิดนานจนเลยไปถึงปากซอยด้านหน้าแล้วบอกมอไซค์ว่าให้ช่วยวิ่งเข้าไปรับป้าที มนุษย์เหล่านี้ทำให้โลกเราน่าอยู่และมีความหวังขึ้นอีกนิดนึงเพราะเขาสามารถสัมผัสถึงสิ่งที่อีกคนกำลังเผชิญได้ เพียงแต่ว่าเขาอาจจะไม่ตัดสินใจเชื่อมโยงหรือไม่มีทักษะเชื่อมโยงไปที่คนคนนั้นโดยตรง ป้านิดเลยก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่ารถคันที่เพิ่งขับผ่านไปเค้ามีความเห็นใจให้ป้านะ ป้าก็ยังหมดหวังกับโลก ณ พุทธศักราชนี้เหมือนเดิม ป้าท้อแท้เท่าเดิมแต่เพิ่มเติมคือมีวินมารับเร็วขึ้น เรียกเบา ๆ ว่าเป็น “สายรับรู้นะ แต่ไม่แสดงออก บอกไม่เป็น เน้นฟังก์ชั่นเพียวๆ” รับรู้ความรู้สึกและความคิดคนอื่นได้ แต่ไม่สื่อสารบอกเจ้าตัวว่ารับรู้ได้แล้วก็มุ่งแก้ปัญหาให้เลยจบ ๆ ไป หลายคนติดกับอยู่ระดับ 2 มาค่อนชีวิต ถ้าอยากขยับสักนิดเป็นหน่วยกู้ใจให้สังคมน่าอีกอยู่อีกหน่อยจะชวนเดินมาใช้ Empathy ระดับที่ 3 ระดับคือสามารถรับรู้สิ่งที่อีกคนกำลังพบพานอยู่ได้ชัดเจนดีทั้งในรูปความรู้สึก ความคิดและการดิ้นรนแล้วเค้าสามารถสื่อบอกคนคนนั้นตรง ๆ ทั้งด้วยภาษาพูดและภาษากายได้ว่า “ฉันสัมผัสมันได้นะว่าคุณกำลังเผชิญอะไรอยู่” เช่น เมื่อเห็นป้าแล้วอาจจะจอดถามป้าว่าร้อนมากเลยนะคะป้า อยากขึ้นรถมาด้วยกันไหมคะ ป้าจะเดินไปปากซอยรึเปล่าคะ อากาศร้อนมาก ป้าไปด้วยกันไหมคะ ซึ่งถ้าป้านิดอยากจะเดินต่อและปฏิเสธมา ก็ยังถือมิชชั่นของเหล่าระดับ 3นั้นสำเร็จสมบูรณ์แล้ว เพราะคุณได้ส่งความเห็นอกเห็นใจให้เพื่อนมนุษย์หนึ่งได้รับรู้ไว้ว่า “เขาถูกเห็นจากเพื่อนมนุษย์อีกคนนึงนะ” แล้วจิตใจป้าก็จะถูกชโลมด้วย Human connection ไปอีกสักระยะหนึ่ง แม้ว่าป้าอาจจะเดินท้าแดดไปจนถึงปากซอยก็ตาม แล้วพลังความเห็นใจยังสามารถถูกถีบขึ้นไปได้มากว่านี้ถ้าเพื่อนบ้านคนนี้ต้องการ ภาพตัดมาในรถ “ป้ากำลังเดินทางไปไหนคะ” “ไปออฟฟิศค่ะหนู” “ออฟฟิศอะไรคะ ป้าทำอะไร” “ป้าขายอาหารเสริมหนู กินแล้วแข็งแรง ไม่ใช่ว่าบอกว่าดีแล้วจะขายนะ อะไรป้าว่าดีหนูไม่ต้องซื้อก็ได้นะคะ” “ใช่ค่ะ ใครขายอะไรก็ว่าสิ่งนั้นดีทั้งนั้น คุณป้าดูแข็งแรงและสดชื่นมากนะคะ” “โอ้วว ขอบคุณจ้ะหนู ป้าก็ดูแลตัวเอง ป้าไม่มีลูก เดิมเคยมีน้องสาวเราก็ดูแลเค้า แต่พอตอนนี้เค้าตั้งตัวได้ เค้าไม่ดูแลเราแฮะ ฮ่าๆๆๆ” ป้าแชร์เรื่องของตัวเองด้วยเสียงหัวเราะปนความน้อยใจ “มันเกิดขึ้นได้ค่ะป้า เวลาเราเคยดูแลใครก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะมาดูแลเรา…ดูเหมือนป้าดูแลตัวเองได้อยู่แล้วนะคะ” เขาคุยกันอยู่สามนาทีได้ก่อนที่เราทั้งคู่จะลงจากรถแยกย้ายกัน ทางปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ระดับที่ 3 ก็สามารถสร้างสังคมให้น่าอยู่ขึ้นได้ แต่ถ้าใครมี Empathy อยู่ในระดับนี้อยู่แล้วแล้วอยากพาตัวเองสู่ Empathy ระดับ4 หน้าตามันเป็นแบบนี้เลย นอกจากเพื่อนบ้านจะสามารถสื่อความเห็นใจออกมาแล้วยังสามารถมองเห็นถึงความรู้สึกลึกซึ้งอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่นอกจากการเดินอยู่ในแดดร้อน ๆ ของป้า มันคือการมองเห็นและได้ยินความคิดและความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าความรู้สึกที่ในกิจกรรมฟังก์ชั่นที่ป้าทำอยู่ (ซึ่งแน่นอนว่ามันได้มาจากการถามและสร้างบทสนทนา) เช่น ในสถานการณ์นี้เพื่อนบ้านรับรู้ว่าป้ามีความชื่นใจในการถูกชวนขึ้นรถแล้วป้ายังมีความภูมิใจกับงานที่ตัวเองทำและมีความน้อยใจนิด ๆ กับการที่น้องสาวไม่ดูแล เมื่อเพื่อนบ้านเห็นดังนั้นก็สามารถสะท้อนให้ป้ารับรู้ได้ว่าเขาเห็นความรู้สึกและได้ฟังเรื่องอื่น ๆ ของป้าด้วยนะ แล้วถ้าอยากเพื่อนบ้านอยากจะเร่งรัดอัด Empathy ตัวเองไประดับ 5 อันนี้ก็อาจจะต้องพึ่งพาการเรียนเฉพาะทางเพราะมันเป็นระดับที่นักจิตบำบัด นักจิตวิทยา และจิตแพทย์ใช้กันเพื่อให้คนอีกคนเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งจากสิ่งที่เค้าก็อาจจะถอดรหัสเองไม่ออก ต้องขอให้ผู้เชี่ยวชาญมอง เชื่อมโยงและช่วยให้คนคนนั้นเห็นความรู้สึกและความคิดที่ตัวเองมี ในชีวิตทุกวันนี้ Empathyระดับ 3 ก็ถือว่าดีงามมากแล้ว ความเห็นใจหรือ Empathy ไม่ใช่เป็นเรื่องศีลธรรมถูกผิดที่ทุกคนจงพึงมี ถ้าคุณไม่อยากมีก็ไม่มีใครว่าผิดอะไร แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งคนที่มองเห็นว่าสังคมรอบตัวที่เราอยู่มันดูแห้งแล้งห่างเหินกันมากไป คุณสามารถปรับมันด้วยการสร้าง Empathy ให้เกิดเยื่อใยต่อมนุษย์รอบตัวได้ เพราะเราทุกคนคือคำว่าสังคม สังคมจะหน้าเป็นไปตามที่คนในสังคมสร้างและปฏิบัติต่อกัน และขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการสร้างบุญอะไร แต่เป็นเรื่องสร้างสายใยที่ถักทอต่อกันระหว่างเพื่อนมนุษย์ในสังคม โดย ดุจดาว วัฒนปกรณ์ นักจิตบำบัดที่อยากให้คุณใช้ "ใจ" ฟังกันและกันมากขึ้น
MadamNight เขียนดี แต่ยาวไปหน่อย อีกทั้งขาดเสน่ห์ในการนำมาเรียบเรียงให้ดูน่าอ่าน น่าจะมีย่อหน้าในแต่ละส่วนสักหน่อยก็จะดีไม่น้อยเลยค่ะ
28 ก.ย 2562 เวลา 10.57 น.
ดีค่ะได้ความรู้แยอะเลย😆แต่ย่อส่วนสำคัญหน่อย
30 ก.ย 2562 เวลา 01.58 น.
พีซี เซอร์วิส อ่านจนตาลายเลยค่ะ เยอะจัง ขอบคุณค่ะ
30 ก.ย 2562 เวลา 06.47 น.
เจอแบบนี้ ไม่ได้อ่านเลย
02 ต.ค. 2562 เวลา 13.51 น.
4289 ไม่มีก้อไม่ผิดปกติ
07 ต.ค. 2562 เวลา 07.57 น.
ดูทั้งหมด