เหตุการณ์การทำร้าย ตีรันฟันแทงของเหล่าเด็กช่างกล ช่างยนตร์ อาชีวะ เกิดขึ้นบนสังคมไทยที่ นิยมนิยาม แผ่นดินแห่งรอยยิ้ม ความรักความสามัคคี แต่ชอบต่อยตีมาเนิ่นนาน
มีคนเคยเอ่ยคำขวัญว่า “ยามศึกเรารบ ยามสงบเราตบตีกัน” เป็นคำขวัญที่แสนเจ็บปวด เหมือนใครเอายาทิงเจอร์ราดลงบนแผลสด
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า กะแค่เรียนกันคนละ สถาบัน จะสามารถเห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ ไล่ตี ไล่ฟัน ไล่แทง และกระทั่งสาดกระสุน เข้าไปในแหล่งแห่งที่มีคน มีเด็กนักเรียน และมีคนเสียชีวิตสังเวย ความคึกคะนอง มาต่อเนื่องยาวนาน
จะมีสักกี่ใครที่ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
บ้างว่า ต้องนิมนต์พระคุณเจ้ามา แสดงธรรมเทศนา ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ
บ้างว่า ต้องเอาทหารมาฝึกวินัย
บ้างว่าต้องเอาไปลงโทษให้สาสม เข็ดหลาบ สาปแช่ง สาปส่ง
แม้ทำแบบนี้มาหลายสิบปี การตีกันของนักศึกษา ก็หาได้ลดน้อยลงไม่ แต่เหล่าผู้บริหารก็ยังยืนยัน จะแก้ปัญหาด้วยวิธีเดิมๆ
หากเป็นสังคมอารยะ ใครบริหารผิดพลาดสมควรลาออก แต่เหล่าผู้บริหารการศึกษา เมื่อใดที่บริหารผิดพลาด เขาจะออกมาโทษสังคมออกมา ด่าเด็กและเยาวชน ว่าเลว แล้วก็กลับไปทำหน้าที่บริหารต่อ ไม่เคยได้ข่าวว่า มีผู้รับผิดชอบลาออก หรือสรุปบทเรียน
อาชีวะ บางแห่งเลือกแล้วที่จะเสาะหาอาวุธทางปัญญา เลือกคัดสรรหาหนังสือเพื่อให้ถึงมือของเด็กบ้าง นอกจากเครื่องไม้เครื่องมือไขควง ไม้ที สกรู น็อต พวกเขาควรต้องหยิบจับ สัมผัส กระดาษและตัวอักษรบ้าง
ที่ไหนๆ ก็ต้องการคลังปัญญา มันยากนักที่จะลดความรุนแรง ด้วยไม้เรียว และอาวุธ นอกจากสิ่งนั้นจะเป็นอาวุธทางปัญญา
เห็นมาหลายคราที่ พยายามจะพานักศึกษาไปค่ายทหาร ไปใช้ระบบที่เรียกว่า ระเบียบวินัย ขู่ตะคอก แล้วก็บอกซ้ายหันขวาหัน เข้าค่ายไม่กี่วันออกมา พวกเขาก็ยิ่งแหกคอก แหกค่าย ไม่ยอมซ้ายหันขวาหัน เพราะไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครบัญชา
ปัญหาของระเบียบวินัย ในประเทศไทย จะเป็นการแก้ไขแบบเพิ่มปัญหา แต่ก็หามีใครมา ตั้งคำถามและตอบคำนิยามของระเบียบวินัย ให้หายคาใจ
บางคราก็พานักศึกษาไปเข้าวัดเข้าวา มีคะแนนจิตพิสัยให้ บ้างนิมนตร์พระมาเทศน์ บอกบาปบุญคุณโทษ แต่ก็ใช่ว่า การถ่ายทอดธรรมมะผ่าน หอประชุมที่ กว้างโล่ง เสียงก้อง จะนำผลลัพธ์อะไรได้ นอกจาก อาการคุยกันจ็อกแจ้กจอแจ ทำเอาพระเดชพระคุณพระสงฆ์เสียเซลฟ์ กลับวัดแทบไม่ทัน
แล้วอะไรฤา จะชักนำพวกเขาออกจาก ขุมความคิด และ ติดกับของความรุนแรง
ในเมื่อ ผู้นำเราก็บ้าอำนาจ ในเมื่อเหล่าผู้คุมก็เข้มกับบทบาท พร้อมฟาดฟัน จะมีใครเชื่อไหมนั่นว่าสิ่งที่ขัดเกลาก้อนหินให้กลมมน แท้จริงคือ สายน้ำ
สิ่งที่ขัดเกลา หัวใจคนเราให้สวยงาม อาจเป็นกระดาษแผ่นบางๆ และตัวอักษรที่ยึกยือ
เห็นด้วยค่ะ...ชอบตอนจบจัง
19 ธ.ค. 2561 เวลา 06.17 น.
เสรี _ อุตรดิตถ์ 2 เห็นด้วยเลยครับ แต่ยังไม่จบอยู่ดี เพราะต้องรอติดตามสถาบันไหนจะนำสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปเป็นร่าง ให้เด็กเขาเห็นคุณค่าในตัวตนและคนอื่น
แต่จะว่าไปแล้ว กลุ่มที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์เหล่านั้นก็มีแค่หยิบมือ ทำไมก่อกระแสซะสะเทือนไปทั้งค่าย สุดท้ายก็มาลงที่สถาบันเหมือนเดิม มันบ่งบอกถึงความสามารถในการบริหารจัดการกระมังขอรับ
26 ต.ค. 2561 เวลา 03.06 น.
Wachiraphan บทความที่สะท้อนความเป็นไปในปรเทศนี้ อยากให้คนที่จะมาบริหารประเทศได้นำไปปรับปรุงระบบการหล่อหลอมเยาวชนของประเทศเรา เพื่อนำความสงบอย่างเมืองพุทธที่แท้จริงมาสู่ประเทศครับ
25 ต.ค. 2561 เวลา 03.04 น.
NONAME เกาไม่ถูกที่คัน
24 ต.ค. 2561 เวลา 18.12 น.
😁😁
20 ต.ค. 2561 เวลา 19.33 น.
ดูทั้งหมด