10 ส.ค. 2563 เว็บไซต์ นสพ.The Japan Times เสนอข่าว Thailand bets on private medical marijuana to lift economy กล่าวถึงความพยายามของ อนุทิน ชาญวีรกูล (Anutin Charnvirakul) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย ที่ต้องการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด เพื่อให้สามารถใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อว่าหากทำสำเร็จจะช่วยได้ทั้งเรื่องสุขภาพ การเดินทางและการเกษตร
โดยเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ของไทย มีมติเสนอหลักการให้แพทย์ภาคเอกชน รวมถึงแพทย์แผนโบราณและเกษตรกร สามารถปลูกและซื้อ-ขายกัญชาได้ทั้งส่งออกและนำเข้า ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนของการนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค. 2563 กระทรวงสาธารณสุขของไทยเพิ่งเปิดตัวคลินิกกัญชาเพื่อการแพทย์ ยังไม่นับรวมคลินิกอื่นๆ อีก 147 แห่งที่ได้รับอนุญาตให้จ่ายยาที่มีส่วนผสมของกัญชา
นพ.มรุต จีรเศรษฐสิริ (Marut Jirasrattasiri) อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติอยู่แล้ว กัญชาจะเป็นอีกส่วนหนึ่งของประเทศในการรองรับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดยแพทย์ภาคเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตจะสามารถปลูก ผลิตและส่งออกกัญชาได้ รวมถึงเกษตรกรจะได้มีทางเลือกในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จะให้ความสำคัญกับนักลงทุนไทย ความร่วมมือระหว่างรัฐและชุมชนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ การวิจัยและการผลิต มากกว่าจะปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ หลังจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ผ่านพ้นไปและการเดินทางระหว่างประเทศได้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติก็จะมีโอกาสได้รับการรักษาโดยใช้กัญชา ซึ่งกัญชาเป็นพืชของไทยมาโดยตลอด และชาวต่างชาติก็ชื่นชอบ
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า การเกษตรและการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยคนไทย 1 ใน 3 มีอาชีพเป็นชาวนาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสามารถทำรายได้ถึง 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6 แสนล้านบาทในปี 2560 มากกว่าเม็ดเงินในภาคส่วนเดียวกันที่ 2 ประเทศร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) อย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียทำได้รวมกัน กระทั่งในปี 2563 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวร้อยละ 8.5 จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19
ไตรศุลี ไตรสรณกุล (Traisuree Taisaranakul) รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายกัญชาเพื่อการแพทย์ จะทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงกัญชาสำหรับใช้รักษาอาการเจ็บป่วยได้มากขึ้น และช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ในประเทศไทย โดยปัจจุบันการปลูกและจ่ายกัญชาทำโดยหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรที่ถูกควบคุมอย่างใกล้ชิดเท่านั้น กัญชายังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามกฎหมาย ดังนั้นจึงห้ามใช้เพื่อความบันเทิง การครอบครองรวมถึงนำเข้าอาจได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปี ไปจนถึงประหารชีวิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/politic/509637 ('สายเขียว'เฮลั่น! ครม.อนุมัติหลักการ พ.ร.บ.ยาเสพติด'ปลดล็อก'กัญชาเสรี : 4 ส.ค. 2563)
nawin ความจริงยาจากกัญชาน่าจะมีโอกาสและมีศักยภาพสูงที่จะลงไปถึงประชาชนในระดับชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึงมากกว่ายาแผนปัจจุบันชนิดต่างๆ ที่มีราคาแพงและยาบางชนิดอาจไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อยาหลักแห่งชาติ แต่ติดตรงการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งล่าช้า จนอาจเป็นตัวจำกัดโอกาสและศักยภาพดังกล่าว แต่ในทางตรงกันข้ามก็อาจเป็นผลดีต่อประเทศอื่นที่เป็นคู่แข่งในการใช้ประโยชน์จากกัญชาทั้งในด้านงานวิจัยและการผลิตเป็นพืชเศรษฐกิจ ทำให้พัฒนาจนทิ้งคู่แข่งไปไกลและสามารถยึดตลาดกับคู่ค้าต่างๆ เอาไว้ได้ก่อน
10 ส.ค. 2563 เวลา 08.53 น.
Pim56 รองรับนักท่องเทียวพี้กัญชาตามชายหาด
10 ส.ค. 2563 เวลา 07.33 น.
BOM ผลักดันมาเป็นปียังปลูกไม่ได้สักที
10 ส.ค. 2563 เวลา 07.28 น.
ดูทั้งหมด