ทั่วไป

โควิดขาลง! ‘ศบค.’ เตรียมประชุมประเมินสถานการณ์ในประเทศ 23 ก.ย.นี้

The Bangkok Insight
อัพเดต 20 ก.ย 2565 เวลา 03.28 น. • เผยแพร่ 20 ก.ย 2565 เวลา 03.28 น. • The Bangkok Insight

รัฐบาลแฮปปี้! ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ตอกย้ำประสิทธิภาพวัคซีนช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ด้าน "ศบค." เตรียมประชุมประเมินสถานการณ์ในประเทศ 23 กันยายนนี้

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดผู้ป่วยใหม่และผู้เสียชีวิตที่ลดลงและทรงตัวในระดับต่ำ โดยเฉพาะในรอบประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาหรือระหว่างวันที่ 12-20 กันยายน 2565 ส่วนใหญ่ยอดผู้ป่วยใหม่อยู่ในระดับต่ำกว่า 1,000 รายต่อวัน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
โควิด

อยู่ระดับต่ำต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม มีเพียงวันที่ 14-15 กันยายน 2565 ที่เกินกว่าระดับดังกล่าว (1,321 ราย และ 1,125 รายตามลำดับ) ขณะที่ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 10-15 คนต่อวัน สำหรับผู้ป่วยใหม่ ณ วันที่ 20 กันยายน 2565 อยู่ที่ 774 ราย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะผ่อนคลายมาตรการทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยเปิดประเทศเต็มรูปแบบมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนที่เป็นเกราะป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ในระยะต่อไปจะยังมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะช่วงไฮซีซัน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565-31 มีนาคม 2566 ศบค. ได้มีมาตรการขยายระยะเวลาการพำนักชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยให้ผู้ที่ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราในการเข้าประเทศไทย (ฟรี วีซ่า) เดิมที่เคยพำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน จะขยายเป็นไม่เกิน 45 วัน

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ประชุม ศบค. ชุดใหญ่

ส่วนผู้ที่ได้รับ Visa on Arrival จากเดิมที่พำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 15 วัน จะขยายเป็นไม่เกิน 30 วัน และในวันที่ 23 กันยายน 2565 ศบค. ชุดใหญ่จะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ในภาพรวม และพิจารณามาตรการที่เหมาะสมต่อไป

ดังนั้น ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้น ตามการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับวัคซีนทั้งให้ครบตามเกณฑ์และวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีความเสี่ยงเช่นกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสการรับเชื้อ ป่วยหนัก หรือเสียชีวิต

โควิด

สำหรับผลการฉีดวัคซีนโควิด19 ในประเทศไทย ณ วันที่ 18 กันยายน 2565 พบว่า มีการให้วัคซีนรวมแล้ว 143.14 ล้านโดส โดยประชาชนรับวัคซีนเข็มที่1 แล้ว 57.30 ล้านคน หรือ 82.4% ของประชากรทั้งประเทศ รับวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว 53.80 ล้านคน คิดเป็น 77.3% และรับเข็มที่ 3 ขึ้นไปแล้ว 32.04 ล้านคน คิดเป็น 46.1%

ขณะที่ผู้มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปทั่วประเทศ 12.70 ล้านคน มีการรับวัคซีนครบตามเกณฑ์ 2 เข็มแล้ว 10.25 ล้านคน หรือคิดเป็น 80.7% และรับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว 6.49 ล้านคน คิดเป็น 51.1%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ