น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทในวันที่ 6 ธ.ค. คาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 30.20-30.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ติดตามตัวเลขภาคการบริการของสหรัฐ ดัชนี ISM ถ้าออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ทำให้สกุลเงินในภูมิภาคอ่อนค่าลงและหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามหากออกมาไม่ดีทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าและส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคแข็งค่า
สำหรับการเคลื่อนไหวสกุลเงินภูมิภาคเอเชียตั้งแต่เดือนม.ค.- 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า เงินบาท-ไทยแข็งค่าสุด 7.47 % เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ระดับสูง ทำให้เงินบาทแข็งคjk ทำให้ผู้ส่งออกมีปัญหาเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขัน รองลงมาเป็น เปโซ-ฟิลิปปินส์ 3.03% รูเปียห์-อินโดนีเซีย 1.89 % เยน-ญี่ปุ่น 1.13% ส่วนสกุลเงินที่อ่อนค่าประกอบด้วย ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.15 % ริงกิต-มาเลเซีย 1.16 % หยวน-จีน 2.75 % รูปี-อินเดีย 2.79 % วอน –เกาหลีใต้ 6.59% ส่วนทิศทางดอกเบี้ยไทยในการประชุมกนง.ครั้งสุดท้ายในเดือนธ.ค.นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในวันที่ 11-12 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้เหมือนเดิม ดังนั้นผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกควรป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าขายป้องกันความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนและสถานการณ์ต่างประเทศที่ไม่มีความแน่นอน โดยเฉพาะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน