ทั่วไป

เลือดกับน้ำอะไรจะข้นกว่ากัน! “ศึกสายเลือด” นักการเมืองไทย ยืนคนละฝ่ายหรือสุดท้ายแค่ขยายอำนาจ!

Another View
เผยแพร่ 10 ม.ค. 2562 เวลา 01.00 น.

เลือดกับน้ำอะไรจะข้นกว่ากัน! “ศึกสายเลือดนักการเมืองไทยยืนคนละฝ่ายหรือสุดท้ายแค่ขยายอำนาจ!

นอกจากโรคเลื่อนที่เป็นหนามตำใจให้เราต้องอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่ว่า เอ๊ะ ปีนี้เราจะได้เลือกตั้งตามที่ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านว่าไว้หรือไม่แล้ว สิ่งหนึ่งที่น่าจับตาเหลือเกินในการเลือกตั้งปี 2562 ก็คือ นักการเมืองที่ลงประชันกันในศึกครั้งนี้ของแต่ละพรรค ทั้งหน้าเก่าที่พ้นจากอำนาจรุ่นเก่าแล้วถูกจับมาปัดฝุ่น หน้าใหม่ไฟแรงแต่ถือว่ายังอ่อนหัดทางการเมือง ที่สำคัญมีตระกูลใหญ่ระดับประเทศที่ลูกหลานแยกพรรคกันในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ลูกท่านหลานเธอเหล่านี้ต่างกระจายกันไปอยู่ตามพรรคใหญ่และพรรคดาวรุ่งที่ดูแล้วจะมีแวว ได้รับความสนใจ และพื้นที่สื่ออยู่ตลอด มีความเป็นไปได้ที่จะถูกเลือกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

มันน่าคิดตรงที่ พวกเขาเห็นต่างกันจริง ๆ ยืนคนละข้างทางอุดมการณ์จริง ๆ หรือแค่มีบางอย่างแอบแฝงกันแน่

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ

ฝ่ายอา "นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" นักการเมืองมือฉมังที่อยู่มาแล้วถึง 4 พรรค ทั้งพรรคกิจสังคม ไทยรักไทย ภูมิใจไทย และพรรคล่าสุด พลังประชารัฐที่ก่อตั้งพรรคร่วมกับกลุ่มสามมิตร ซึ่งเจ้าตัวภูมิอกภูมิใจถึงกับออกปากว่าจะยิ่งใหญ่กว่าพรรคไทยรักไทยเพื่อไทยเสียอีก
สมัยทำงานกับทักษิณ นายสุริยะ เรียกได้ว่าเป็นตัวแรงของพรรค เป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจให้กุมบังเหียนกระทรวงใหญ่อย่างกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม ถึงจะคดีทุจริตประปราย แต่ก็ถือว่ารับมือได้ดี จนอยู่รอดปลอดภัยมาถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้พลเอกประยุทธิ์เป็นนายกต่อไป

ขณะที่หลานชาย "ธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ" หรือ เอก เป็นนักธุรกิจไฟแรงที่หันหลังให้กับกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทของครอบครัว มีบริษัทในเครือรวมกว่า 40 บริษัท ครอบคลุมการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักร นำมาซึ่งมูลค่าทรัพย์สินมากมายก่ายกองจนหลาย ๆ คน ถึงกับตั้งคำถามกับเจตนารมณ์ทางการเมืองของเขา ว่าจะเป็นเพียงเศรษฐีอีกคนที่เข้ามาแบ่งเค้กกันในรัฐบาลหรือไม่
ธนาธรฝ่ากระแสที่ถูกตราหน้าว่าเป็น "ไพร่หมื่นล้าน" จากการที่แสดงความเห็นทางการเมืองไปพ้องกับฝั่งเสื้อแดงบางส่วน ปรากฎตัวต่อหน้าสื่อในฐานะผู้นำพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้คะแนนโหวตเป็นเสียงเอกฉันท์จากคนในพรรค พร้อมกับจุดยืนที่ได้ใจคนจากการต่อต้านคสช. ตั้งตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเต็มตัว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เรียกได้ว่าเป็นอาหลานที่อยู่คนละขั้ว ยืนคนละอุดมการณ์ แถมความเก๋าเกมก็ต่างกันมากจนถ้าเปรียบเป็นมวยก็คงดูเพลิน

ตระกูลปุณณกันต์

ศึกนี้มีชื่อเล่นที่คอการเมืองรู้กันว่า "ศึกสายเลือดซอยราชครู"  เล่นการเมืองกันมาตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงปัจจุบัน "พุทธิพงษ์" ผู้พี่มีภาพบทบาททางการเมืองที่ชัดกว่าน้องชาย  เขาเริ่มเล่นการเมืองตั้งแต่ปี 2544 โดยสวมเสื้อลงสมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขตพญาไท แม้จะ สอบตก เพราะ กรรณิกาจากฟากไทยรักไทยฐานเสียงดีกว่า แต่เพราะผู้ชนะโดนใบเหลือง สุดท้ายเมื่อเลือกตั้งซ่อมเขาจึงชนะ ได้เป็น ส.ส.ครั้งแรก ก่อนที่ล่าสุดจะย้ายข้างไปทำงาน กับคสช. ในฐานะรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและโฆษกรัฐบาลหลังจากทำงานกับประชาธิปัตย์มานานถึง 18 ปี

ขณะที่ฟากน้องชาย "ดนุพร" ปรากฎตัวต่อหน้าสื่อในฐานะนักแสดงก่อนจะเข้ามารับหน้าที่ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขซึ่งก็คือ คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ ดนุพรลงสมัครส.ส. เขตสาธร- ยานนาวา และลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2548 แต่พ่ายแพ้ให้กับ "กรณ์ จาติกวณิช" ซึ่งถือว่ากระดูกแข็งกว่ามาก ๆ  แต่ได้เข้ามาทำงานในรัฐบาลเมื่อฟากไทยรักไทยในขณะนั้นได้ตั้งรัฐบาล โดยเข้ามารับหน้าที่โฆษกรัฐบาล แล้วพักไปยาว ๆ หลังจากเกิดปฏิวัติ แล้วกลับมาอีกครั้งกับผู้บริหารพรรคเพื่อไทยชุดเดิม อ่านแถลงการณ์พรรคในการประชุมครั้งล่าสุด ในฐานะคนเพื่อไทยเหมือนเดิม 

คือถึงฟากหนึ่งจะย้ายพรรคไป ทั้งคู่ยังถือว่ายืนตรงข้ามกันอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น 2 พี่น้องยืนยันว่าในบ้านก็ยังรักกันดี

ยืนคนละข้างหรือทางเลือกในการกระจายอำนาจ

ข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือ ทั้งสองตระกูลไม่ได้แค่แยกพรรคกัน ไม่ใช่แค่จุดยืนทางการเมืองที่แตกต่าง  แต่ยังแยกกันไปอยู่ในพรรคที่ถือได้ว่าเป็นขั้วอำนาจ  มีโอกาสจะเป็นผู้ชนะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทย ประชาธิปปัตย์ และคสช. รวมถึงพลังประชารัฐที่สนับสนุน คสช. ด้วย

ประกอบกับศักยภาพของทั้ง 2 ตระกูลที่ทั้งเก่าแก่ร่ำรวย  ต่างมีส่วนได้ส่วนเสียกับภาคธุรกิจในประเทศนี้มากมายนับไม่หมด เป็นไปได้หรือไม่ที่ต่างฝ่ายต่างก็ทำเพื่อรักษาฐานอำนาจของตระกูลโดยอาศัยวิธีวางหมากกระจาย ๆ ไปทั่วทุกพรรค ทุกข้าง เพื่อที่ไม่ว่าพรรคไหนจะชนะ จะแพ้ ตระกูลของพวกเขาจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์

ไม่ได้ว่ากันที่เงินล้านแต่ว่ากันเป็นหมื่นหรือแสนล้าน  

การเมืองที่ดูหวือหวาอาจไม่สู้การบ้านที่ต้องเจอกันอยู่ทุกวัน ร่วมทุกข์รวมสุขกันมาทั้งชีวิตสุดท้ายแล้วต้องมาดูว่าเลือดกับน้ำอะไรจะข้นกว่ากัน

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.thaiquote.org/content/31366

https://www.matichonweekly.com/column/article_135383

https://www.khaosod.co.th/politics/news_1841646

https://www.matichon.co.th/politics/news_1003853

ความเห็น 44
  • 🍓..TonAor JMR..539🌻
    หมดเวลาทำงานในแต่ละวันของนักการเมืองเขาก้มานั่งกินข้าวด้วยกันเชื่อเห้อะ มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่เขาเกลียดกันจริงๆๆนอกนั้นนั่งกินข้าวร่วมกัน มีแต่ประชาชนเท่านั้นแร่ะที่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ให้เขาหรอกมาฆ่ากันเหมือนที่ผ่านๆๆมา
    10 ม.ค. 2562 เวลา 00.44 น.
  • ต่างคนต่างอยากมีอำนาจ จนลืมไปว่าอะไรผิดอะไรถูก เป็นการเห็นแด่ตัว ไม่ใช่เห็นแก่ประเทศชาติ !
    10 ม.ค. 2562 เวลา 00.12 น.
  • ♥️🇹🇭🛵แหวง คนไทย ภว🔔🕕💕🍏
    ก็การเมืองเป็นเรื่องหลอกลวงประชาชนไปวันๆเท่านั้นเองทำใจเถอะ
    10 ม.ค. 2562 เวลา 00.18 น.
  • Kung 🦐🦐
    เลือดข้นกว่ายุแล้ว ถ้ายังงั้นจะพ่อแม่จะสอนเหรอพี่น้องต้องรักกัน คนนอกคือคนนอก/ การเมืองไทยก็รู้ๆอยู่ ถ้าอีกคนผิดถามจรืงอีกคนกล้าจับไหม
    10 ม.ค. 2562 เวลา 00.20 น.
  • GrandGinny
    ตระกุลจึงแค่แหกตาชาวบ้านเดี๋ยวคงมีละครลิงให้เราดูแหละพี่น้องเอ๊ย
    10 ม.ค. 2562 เวลา 00.58 น.
ดูทั้งหมด