ทั่วไป

ฝากขัง‘รณชิต’นอนคุก! โยโย่ไม่พร้อมเจอพ่อแม่

ไทยโพสต์
อัพเดต 12 ม.ค. 2562 เวลา 17.22 น. • เผยแพร่ 12 ม.ค. 2562 เวลา 17.01 น. • ไทยโพสต์

"รณชิต" นอนคุก ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตฝากขัง พม.เชียงใหม่เผย "น้องโยโย่" ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปพบครอบครัว ต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตรวจสุขภาพแล้วต้องรอฟังผลการตรวจอีกกว่าสัปดาห์

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ร.ต.อ.กิจติพล สีแพน พนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ได้ควบคุมตัวนายรณชิต บำรุงจิตร์ อายุ 52 ปี ภูมิลำเนา กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 14/2560 ลงวันที่ 10 ม.ค.62 คดีพรากน้องโยโย่ เด็กนักเรียนหญิง ชั้น ม.2 ซึ่งอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดาฯ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 ม.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานเพิ่มอีก 8 ปาก และรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา โดยพนักงานสอบสวนก็ได้คัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหานี้ด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี เพราะคดีมีอัตราโทษสูง     

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2561 เวลาประมาณ 13.05 น. ผู้ปกครองของเด็กหญิง ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาได้แจ้งความว่า เด็กหญิงซึ่งขณะเกิดเหตุอายุ 14 ปี ได้หายออกไปจากโรงเรียนแห่งหนึ่งหลังจากสอบกลางภาค ไม่กลับบ้านพัก โดยไม่สามารถติดต่อได้ พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความพร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิด และได้ทำการสืบสวนจนพบซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเงินของเด็กหญิง ซึ่งผู้ต้องหาเป็นผู้จดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์นั้นไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนผู้ปกครองซึ่งเป็นผู้กล่าวหาแล้ว ทราบว่าผู้ต้องหานั้นเป็นบุคคลที่สนิทสนมกับครอบครัว      

ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็ได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางบัญชีธนาคาร พบว่ามีการเบิกถอนเงินไปช่วงวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารใน จ.เชียงใหม่ จึงได้ทำการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด ก็พบ ภาพผู้ต้องหาและเด็กหญิงเดินอยู่ด้วยกันภายในห้างสรรพสินค้าใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งผู้กล่าวหาดูภาพแล้วยืนยันบุคคลตามภาพนั้น คือผู้ต้องหาและเด็กหญิงที่เป็นบุตรสาว จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาได้หลอกลวงพาเด็กหญิงไปจากผู้ปกครอง พนักงานสอบสวนก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว      

โดยเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ จ.เชียงใหม่ และเมื่อทำการสอบสวนผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพว่า เมื่อประมาณเดือน มิ.ย.2561 ได้พาเด็กหญิงไปสอนพิเศษที่ห้างขายสินค้าค้าปลีกแห่งหนึ่งภายในกรุงเทพฯ จากนั้นได้ร่วมเพศกันภายในรถยนต์ ก่อนพาเด็กหญิงกลับไปส่งบ้านพัก พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ฐานพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแล หรือเพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตนโดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277, มาตรา 283 ทวิ วรรคสอง และมาตรา 317     

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วกรณีตามคำร้องเป็นความผิดอาญาร้ายแรง จึงอนุญาตให้ฝากขังได้     

ภายหลังจนสิ้นสุดเวลาราชการ ผู้ต้องหาก็ไม่ได้ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัวชั้นฝากขังนี้แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้ควบคุมตัวไปคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขัง 12 วันนี้ต่อไป     นางจิราพร เชาวน์ประยูร ยามาโมโต้ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า น้องโยโย่ยังอยู่ในความดูแลของ พม.จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ระหว่างพยายามปรับตัวและจิตใจ โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตอาการอยู่ตลอด โดยชวนให้ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อคลายเครียด      

"เท่าที่ดูน้องยังไม่พร้อมที่จะกลับไปพบครอบครัว เราก็ต้องติดตามอาการน้องอย่างใกล้ชิดว่าน้องจะพร้อมเมื่อใด เราต้องให้เวลาน้อง น้องตรวจสุขภาพแล้ว และต้องรอฟังผลการตรวจ ซึ่งต้องใช้เวลากว่าสัปดาห์"     

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นางจิราพรกล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ต้องเป็นความลับของตัวน้องและครอบครัว เพราะมีผลต่อตัวเด็ก ครอบครัวเด็ก รวมทั้งครอบครัวของผู้ต้องหาเองด้วย รวมทั้งบุคคลรอบข้างของครอบครัว อยากให้สังคมระมัดระวัง โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวที่อาจมีผลต่อครอบครัวของผู้ตกเป็นข่าว โดยเฉพาะการไปโฟกัสเฉพาะเรื่องที่จะมีผลกระทบต่อตัวบุคคล     

"อยากให้ทุกฝ่ายให้เวลาน้องได้พัก ปรับสภาพจิตใจให้มีความพร้อมที่สุด เราต้องดูก่อนว่าน้องพร้อมที่จะพูดคุยกับพ่อแม่หรือกลับไปอยู่ในความดูแลหรือไม่ด้วย" พม.เชียงใหม่ยังกล่าว     

ด้านนายสมคิด สมศรี อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวง พม. ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานว่าเด็กมีภาวะเครียดเล็กน้อย เนื่องจากได้รับทราบข่าวผ่านสื่อที่ออกมากมาย แต่ พม.ได้ให้การดูแลเด็กอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องสภาพจิตใจ ที่มีทีมสหวิชาชีพดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้ติดต่อผู้ปกครองรับทราบ โดยแจ้งว่าไม่ต้องกังวลและเป็นห่วง ส่วนเรื่องคดีความหลังจากเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ทีมสหวิชาชีพได้มีการประชุมร่วมกันพร้อมกับทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็คงปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งในส่วนของผลตรวจร่างกายเด็กได้แจ้งมาให้รับทราบแล้วเช่นกัน ก็คงนำไปประกอบในสำนวนคดีความ คงไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ เพราะอาจจะกระทบต่อรูปคดี           

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนทุกแขนง หลีกเลี่ยงนำเสนอข่าวเด็ก ที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจทั้งตัวเด็กและครอบครัว เป็นการกระทำความรุนแรงซ้ำต่อจิตใจ และอาจจะเข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546     

ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่เข้าใจและออกประกาศสร้างความเข้าใจต่อสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวที่จะเกิดผลกระทบต่อเด็ก และตนจะเดินทางไปเยี่ยมเด็กพร้อมติดตามการดูแลช่วยเหลือ รวมถึงการดำเนินคดีด้วย.

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 137
  • Suwajjanee
    สงสารน้อง สู้ๆนะค่ะชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ค่ะ เป็นอุทาหรณ์ให้พ่อแม่ว่าเมื่อเรามีลูกต้องเอาใจใส่ ดูแลให้ความอบอุ่น รับฟัง ให้คำปรึกษา ทำให้ลูกรักและไว้ใจเราที่สุด ถ้าเราเอาใจใส่ลูกเค้าผิดปรกติเพียงนิดเดียว เราจะนู้ทันทีค่ะ เฒ่าจอมวางแผนเข้าคุกไปยาวๆเลย คนเห็นแก่ตัวเคยคิดบ้างมั้ยทำแบบนี้ใครบ้างที่เสียใจ ครอบครัวน้องและตัวน้องเสียใจและเสียหาย ส่วนครอบครัวคุณลูกเมียคุณต้องเสียใจมากแน่นอน ความหึ่นหน้ามืดตามัว ใจบอดทำลายผู้อื่น อย่าพูดคำว่ารักนะแบบนี้มันไม่ใช่ กลอกได้แต่เด็กที่ไม่รู้เท่าทัน บัดซบสิ้นดี
    12 ม.ค. 2562 เวลา 18.30 น.
  • Tanya
    เด็กคนนี้ไม่มีน้ำใจที่จะช่วยพ่อแม่แบ่งเบาภาระบ้างเลย ดูๆแล้วที่บ้านก็ไม่ได้จน น่าจะมีจิตสำนึกบ้าง ไม่หันไปดูครอบครัวอื่นที่จนมากๆ เด็กอยากเรียนก็ไม่มีเงินที่จะไปเรียนแถมบางครอบครัวมีปู่ย่าตายายพิการ ต้องมาดูแลท่าน เด็กเหล่านั้นยังเต็มใจที่จะทำ แต่เด็กคนนี้แค่อยู่เป็นเพื่อนน้อง คอยดูแลกันบ้างจนกว่าพ่อแม่ที่ไปทำมาหากินเลี้ยงลูกส่งลูกเรียน นส.จะกลับบ้าน ยังเห็นแก่ตัวทำให้พ่อแม่ไม่ได้ แต่ไปหลงคารมณ่ตาเฒ่า ไปให้เขาหลอกลวงมีความสุขสั้นๆ ก็หลงเขาไปแล้ว!!! ใครจะด่าเราๆก็ไม่ว่านะ แต่ควรคิดถึงความจริงบ้า
    13 ม.ค. 2562 เวลา 00.56 น.
  • ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดัง
    13 ม.ค. 2562 เวลา 00.27 น.
  • Malai😊
    เลิกให้ความสำคัญข่าวแบบนี้ได้แล้วมั้ง
    12 ม.ค. 2562 เวลา 17.52 น.
  • Woranit Chunthapan
    มองดูแล้วเหมือนน้องจะท้องอนาคตดับไปกับความเชื่อใจและความไว้วางใจเด็กก็คือเด็กเจอคำพูดหวานๆที่เคลือบด้วยยาพิษของไอ้แก่ตันหากลับก็จะเบื่อบ้านเบื่อพ่อแม่ทันทีทั้งๆที่พ่อแม่ก็บ่นตามธรรมดาถ้าไม่มีคนนอกมาแทรกก็ไม่มีปัญหาใหญ่โต
    13 ม.ค. 2562 เวลา 01.15 น.
ดูทั้งหมด