ต้องถือเป็นผลงาน "ชิ้นโบว์แดง" ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแท้จริง กับการแก้ไขปัญหามาตรฐานด้านการบิน หลังจากหน่วยงานด้านการบินของไทยถูก "องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)" ประกาศ "แบลก์ลิสต์" ปัก "ธงแดง" บนเว็บไซต์ของ ICAO อันแสดงให้เห็นความเสี่ยงด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของประเทศไทย มาตั้งแต่ 18 มิถุนายน 2558 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน
นายกรัฐมนตรีต้องงัด ม.44 ยกเครื่องหน่วยงานด้านการกำกับดูแลและตรวจสอบมาตรฐานการบินขนานใหญ่ จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขวิกฤติการบินพลเรือนของไทยขึ้น และดำเนินการปรุบปรุงโครงสร้างองค์กรด้านการบินพลเรือนของไทยครั้งใหญ่ แยกหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานปฏิบัติออกจากกันเด็ดขาดท่ามกลางแรง "เสียดทาน" จากผู้คนทั่วโลก ก่อนที่ ICAO จะประกาศปลด "ธงแดง" ประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาอันเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและตั้งใจจริงของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้
แน่นอน!ถนนทุกสายต่างพุ่งเป้าไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการประสานการแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความสำเร็จของการแก้ไขวิกฤติการบินของประเทศนั้น หาใช่มีเพียงกระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนฯ (กพท.) เท่านั้น แต่ยังมีหลายหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหานี้ โดยพล.อ.อ.ปรีชา ประดับมุข หัวหน้าสำนักงานและประสาน ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.)ได้กล่าวถึงเบื้องหลังความสำเร็จของการแก้ไขปัญหาวิกฤติด้านการบินพลเรือนของไทยในครั้งนี้ ดังนี้
ผุดศูนย์ "ศบปพ." แก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ!
ผลพวงจากการที่ ICAO ปัก "ธงแดง" ให้กับประเทศไทยเมื่อกลางปี 2558 เพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้ประเทศสมาชิกได้รับทราบถึงความเสี่ยงด้านมาตรฐานการบินของประเทศไทยนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินของไทยอย่างรุนแรง
ประเทศสมาชิก ICAO หลายประเทศเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบการบินของไทยมากขึ้น และมีการเพิ่มข้อจำกัดในด้านการบิน รวมถึงการประกาศห้ามสายการบินของไทยบินเข้าน่านฟ้าในบางประเทศ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งในด้านการคมนาคมและเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างรุนแรง
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ตระหนักถึงผลเสียหายที่เกิดขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไขภายในเวลาอันรวดเร็ว หรือไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวหากดำเนินการไปตามขั้นตอนปกติของทางราชการ พบว่าต้องใช้เวลาดำเนินการอีกหลายปี ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์แห่งปัญหาที่เกิดขึ้นและยังอาจส่งผลกระทบไปยังกิจการที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะความเดือดร้อนของประชาชนที่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางโดยสายการบินไปยังที่หมายต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงได้สั่งการให้ใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฯชั่วคราว พ.ศ.2557 จัดตั้ง "ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนหรือ ศบปพ." ขึ้น โดยมีผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้บัญชาการศูนย์ พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนที่มีผู้แทนจากส่วนราชการและผู้ทรงคุณวุฒิต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านเทคนิคและการประสานงานที่มีบุคลากรจากกองทัพอากาศเป็นกำลังหลัก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการติดธงแดงของ ICAO ให้แล้วเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว โดยเริ่มดำเนินการทันทีตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2558 พร้อมให้ ศบปพ.รายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาให้รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านนี้ คือ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยตรงทุกระยะ
ยกเครื่ององค์กรกำกับ-มาตรฐานการบิน!
การแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนของไทยที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ ICAO กำหนดนั้น เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดซับซ้อน เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่ได้แก้ไขกฎหมายทางด้านการบินพลเรือนให้ทันสมัยเพื่อรองรับความเติบโตด้านการบิน การไม่พัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ รวมถึงการไม่มีมาตรฐานในการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ หรือการตรวจสอบสายการบินที่เป็นมาตรฐาน เหล่านี้คือปัญหาที่ ศบปพ.และกองทัพอากาศ ต้องดำเนินการแก้ปัญหาโดยเร็วภายในเวลาที่จำกัด เพื่อให้ประเทศไทยก้าวพ้นวิกฤติการบินพลเรือนโดยเร็วที่สุด
โดยสิ่งที่ ศบปพ.ดำเนินการไปนั้น ประกอบด้วย 1.การจัดโครงสร้างทางด้านการบินพลเรือนใหม่ ด้วยการยกเลิกองค์กรเดิม จัดตั้งเป็น "สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท." 2.การจัดหาบุคลากรที่มีคุณวุฒิตามที่ ICAO กำหนด เพื่อมาทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบ เพื่อออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ 3. การจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวกับการบินพลเรือนตามมาตรฐานสากลของ ICAO 4.การออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศหรือใบรับรองสายการบินให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ต่อมาในเดือนตุลาคม 2559 รัฐบาลเล็งเห็นว่า ปัญหาด้านการบินพลเรือนควรเป็นเรื่องด้านพลเรือน รัฐบาลจึงจัดตั้ง "คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน" โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน แต่อนุกรรมการแก้ไขปัญหายังคงขึ้นตรงต่อ "คณะกรรมการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน" คณะที่ 5 ที่มีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการชุดนี้ จัดตั้งขึ้นเพื่อเสริมขีดความสามารถในการแก้ปัญหา โดยให้สำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) เป็นหน่วยหลัก และมี ศบปพ.และกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นหน่วยแรกที่เข้าไปแก้ปัญหาเป็นหน่วยสนับสนุนและกำกับดูแลเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ICAO และตลอดระยะเวลาของการประสานข้อมูลเจรจาและแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้วิกฤติทางการบินของประเทศไทยเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี
บทสรุป
ผลจากการผนึกกำลัง ความตั้งใจจริง และความจริงจังของกองทัพอากาศ สำนักงานการบินพลเรือน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาล ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ยังผลให้ขณะนี้ประเทศไทยได้เดินมาถึงจุดที่ได้รับการตรวจสอบและตรวจสอบซ้ำจาก ICAO เพื่อปลดธงแดงทางด้านการบินพลเรือนของไทยแล้ว ก่อนที่ ICAO จะประกาศปลด "ธงแดง" หน้าชื่อของประเทศไทย ในเวปไซต์ที่เป็นทางการของ ICAO เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2560 สะท้อนให้ประเทศสมาชิกได้รับทราบว่า ประเทศไทยได้แก้ปัญหาวิกฤตด้านการบินพลเรือน และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเข้าสู่มาตรฐานสากลเรียบร้อยแล้ว
นับตั้งแต่ 18 มิถุนายน 2558 เป็นต้นมา รวมเวลาแห่งความพยายามกว่า 2 ปี 4 เดือนนั้น บัดนี้อิสรภาพทางด้านการบินพลเรือนของไทยที่จะบินไปในโลกกว้างอย่างไร้ขีดจำกัดจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับความภาคภูมิใจที่เราได้ทำงานร่วมกันอย่างทุ่มเท ทั้งกำลังกาย กำลังใจ สติปัญญา และเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อช่วยกันยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินรวมทั้งช่วยกันแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชนอันเป็นที่รักของเรา
ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ การสร้างความมั่นใจในการพัฒนามาตรฐานการกำกับดูแลและการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรกำกับดูแลทางด้านการบินพลเรือนของไทย รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินเพื่อก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนี้ได้ในอนาคต
Apidech.L มันน่าจะเป็นหน้าที่อยุ่แล้วป่ะ ภูมิใจทำไม
11 ต.ค. 2560 เวลา 03.48 น.
x.09 ไปเมกาปุ๊บมีข่าวซื้ออาวุธปั๊บปลดธงแดงทันทีแน่นอนจริงๆ
11 ต.ค. 2560 เวลา 01.59 น.
To To Tok เมื่อไรจะยกเครื่องการบินไทย
11 ต.ค. 2560 เวลา 01.31 น.
ปักธงแดงก็รัฐบาลนี้ ปลดธงแดงก็รัฐบาลนี้นะ ต้องให้ชมเชยว่าทำดีหรือ บริหารดี แก้ไขปัญหาเก่ง พาชาติไทยเจริญก้าวหน้าเป็นที่โหล่ในอาเซียน
10 ต.ค. 2560 เวลา 15.53 น.
ดีจะได้ขยายเส้นทางบินได้มากขึ้น
10 ต.ค. 2560 เวลา 15.14 น.
ดูทั้งหมด