ทั่วไป

“สุวัจน์”ขอครม.ใหม่เร่งฟื้นเศรษฐกิจช่วยคนตกงาน-เอสเอ็มอี

ฐานเศรษฐกิจ
อัพเดต 07 ส.ค. 2563 เวลา 04.15 น. • เผยแพร่ 07 ส.ค. 2563 เวลา 16.09 น. • Thansettakij

 

วันที่ 7 สิงหาคม 2563 ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมการเงินโคราช” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม 2536 โดยมี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo และคณะผู้บริหารจากฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดนครราชสีมา ร่วมเปิดงาน ท่ามกลางประชาชนที่ให้ความสนใจเข้าชมงานจำนวนมาก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

                                   

นายสุวัจน์ กล่าวเปิดงานว่า ตอนนี้ภาคธุรกิจ มีปัญหาจากเรื่องโควิด ปิดกิจการกันไปส่งผลกระทบต่อการว่างงาน ผมคิดว่าลำดับต้นของปัญหาของเศรษฐกิจของประเทศ จะต้องทำยังไง จะแก้ไขปัญหาการว่างงาน จากแต่ละวันโรงงานทุกแห่งหลายแห่งได้ปิดกิจการ ก็คาดการณ์กันว่า ถ้าเศรษฐกิจทรุดตัวลงไป ผลกระทบจากโควิดมากๆ ทุกประเทศทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ  เมืองไทยอาจจะกระทบ 6-7 ล้านคน ฉะนั้น คิดว่าวิธีการที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เฉพาะหน้าขณะนี้ ก็คือทำอย่างไรให้กิจการ กลับมาเดินเคลื่อนต่อ โรงงานอุตสาหกรรมทำงานได้ เพราะถ้ากิจการกลับมาเดินเครื่อง SME กลับมาเดินเครื่อง ไมโคร SME ร้านค้าต่างๆ โรงงานต่างๆ กลับมาเปิดกิจการได้ ก็จะมีการจ้างงานต่อ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

ฉะนั้น วันนี้ คิดว่าต้องทำยังไง ให้ทุกคนกลับมาติดเครื่องยนต์ในระบบเศรษฐกิจ Money Expro นำสถาบันการเงิน นำธนาคาร และก็นำข้อเสนอต่างๆ ที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อการให้เงิน เพื่อให้ภาคธุรกิจ ร้านค้าต่างๆ มีต้นทุนที่จะไปเปิดกิจการต่อ นอกจากที่จะทำให้เขาอยู่ได้แล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจทั้งระบบ เป็นการแก้ไขปัญหาการว่างงานขั้นต้น เป็นกิจกรรมการเงินที่ดีมาก และครั้งนี้ก็เปิดเป็นครั้งแรกในรอบปี 2563 แต่จัดที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นครั้งที่ 14

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

“ผมคิดว่าเกิดมีอีเว้นท์ หรือมีงานกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ แล้วยิ่งเป็นเรื่องเศรษฐกิจ คิดว่าเป็นกลไกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยได้”

 

สำหรับประเด็นการปรับครม.ชุดใหม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า เป็นการรอคอยของพี่น้องประชาชน เพราะเรามีสุญญากาศของรัฐมนตรี และของทีมเศรษฐกิจ ฉะนั้น การที่ได้มีการประกาศรายชื่อ ครม.ใหม่ ตนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีในบ้านเมือง และทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกโล่งใจ เบาใจว่าตอนนี้จะมีทีมเศรษฐกิจมาแก้ไขปัญหาแล้ว

 

และจากที่ดูรายชื่อที่ได้มีการประกาศมาแล้ว ถือว่าอยู่ในระดับที่เรารับกันได้ เราพอใจ ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็คงจะรอคอยกันว่าทีมเศรษฐกิจนั้นจะมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร

 

“ผมว่าเรื่องนี้สำคัญเพราะรอคอยกันมาแล้ว ตอนนี้ได้มีทีมทำงานแล้ว ประชาชนก็อยากจะทราบว่านโยบาย หรือแนวทางตรงนี้ให้เกิดความมั่นใจ คิดว่าถ้าเกิดทีมเศรษฐกิจสามารถที่จะประกาศนโยบายให้เกิดความร่วมมือและความหวัง จะทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจต่างๆ ดีขึ้น เช่น ตอนนี้การว่างงงานจะแก้ไขอย่างไร การเปิดกิจการของธุรกิจต่างๆ อุตสาหกรรมต่างๆ ที่เขายังเปิดไม่ได้จะลงไปพบเขา ไปรับฟังความคิดเห็นเขา และมีแนวทางอย่างไร  หรือการปรับโครงสร้างภาษีต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจในระยะการฟื้นตัว 2-3 ปีนี้อยู่ได้ สมมุติ ถ้าเกิดมีนโยบายต่างๆ ที่ชัดเจนทำความเข้าใจและลงไปพบทุกกลุ่มที่เขามีปัญหา ก็จะเป็นการรับฟังความคิดเห็นและเป็นการเอาปัญหามาร่วมกันคิด และร่วมกันออกมาตรการต่างๆ แล้วจะนำไปสู่ความร่วมมือ เหมือนกับที่เราแก้ปัญหาโควิดได้ก็เพราะมีมาตรการที่ชัดเจน”

 

ฉะนั้น ถ้าเราใช้โควิดโมเดลมาเป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ร่วมกันคิดร่วมกันทำก็จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ขณะนี้ ตนคิดว่างานหนัก งานที่ทีมเศรษฐกิจจะต้องเร่งในการทำคือการแก้ไขปัญหาการว่างงาน การแก้ไขปัญหาให้กิจการต่างๆ เขากลับมาทำงานได้ เพราะตัวเลขการว่างงานที่รออยู่ในวันข้างหน้าปลายปีหรือต้นปีอาจจะขึ้นไปถึง 6-7 ล้านคน เพราะธุรกิจปิดกิจการกันมาก

นายสุวัจน์  กล่าวอีกว่า สำคัญที่สุดวันนี้ความเป็นทีมเวิร์คของทีมเศรษฐกิจเป็นที่น่ายินดีที่เมื่อมีการปรับ ครม.เศรษฐกิจแล้ว ถึงแม้ว่าจะต่างพรรค เพราะเป็นรัฐบาลผสม ถ้าเราได้เห็นความเดือดร้อน เห็นวิกฤติและมีความร่วมมือกัน สามารถสร้างกลไกการทำงานของทีมเศรษฐกิจให้ทำงานเป็นทีมเดียวกัน เหมือนกับ พายเรือ พายพร้อมๆ กัน พายไปในทิศทางเดียวกัน ในที่สุดด้วยพื้นฐานต่างๆ ของระบบเศรษฐกิจที่เรามีก็ต้องฝ่าวิกฤติไปให้ได้

 

“ผมขอเป็นกำลังใจ เพาะหลายๆ คนถึงแม้จะไม่ได้อยู่วงการการเมือง มีฐานะ มีตำแหน่งที่อยู่ในงานเอกชนที่มีชื่อเสียง ที่สบายอยู่แล้วได้เสียสละในการเข้าสู่วงการการเมือง เพื่อมาแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ”

 

ส่วนความเชื่อใจว่าจะแก้ปัญหาของประเทศได้หรือเปล่านั้น ตนคิดว่าดูอย่างรัฐมนตรีคลังถือเป็นกระทรวงหลักในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งก็มีพื้นฐานที่ดีสำหรับที่จะใช้ประสบการณ์กับวิกฤติเศรษฐกิจในขณะนี้ ตนเข้าใจดีว่า ท่านรัฐมนตรีคลังคนนี้คงเข้าใจปัญหา ซึ่งทุกคนก็ฝากความหวังไว้ ถือว่าการปรับ ครม.ในส่วนทีมเศรษฐกิจครั้งนี้เท่าที่ฟังมา ถือว่าอยู่ในระดับที่พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ จากนี้ไปเป็นเรื่องของผลงาน และเป็นเรื่องนโยบายต้องชัดเจนแล้ว

                              

ส่วนคำถามที่ว่าพรรคชาติพัฒนายอมเสียสละเพื่อชาติหรืออย่างไร นายสุวัจน์ หัวเราะก่อนตอบว่า เรายินดีอยู่แล้ว เราก็ได้บอกไปแล้วว่าเราเสียสละ เราเคยเสียสละเพื่อชาติมาแล้ว เมื่อไปเข้า ครม.เที่ยวนี้ก็ถอยเพื่อชาติ เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีตำแหน่งที่จะปรับ ครม. และทำให้บรรยากาศของการปรับ ครม.ไม่กระเพื่อม ไม่มีความแตกแยก จะเห็นว่าเที่ยวนี้บรรยากาศของการปรับครม.เป็นไปได้ด้วยดี

 

“เท่าที่ดูก็ค่อนข้างที่จะนิ่ง และได้คนดีๆ เข้ามาทำงาน เราเห็นอย่างนี้เราก็รู้สึกสบายใจด้วย เราก็ยินดีที่จะให้ข้อคิดเห็นหรือมีอะไรที่จะให้พรรคชาติพัฒนาสนับสนุน ถึงแม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี เราก็ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่จะสนับสนุนในเรื่องของเสถียรภาพ หรือประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่พรรคชาติพัฒนามีมาตลอดตั้งแต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีที่บุคลากรของเรามีความพร้อมเราก็ยินดีให้ข้อคิดเห็นช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อกู้วิกฤติให้กับประเทศ”

 

ส่วนการปรับ ครม.เป็นคนที่ลักษณะที่สามารถดึงคนนอกที่มีประสบการณ์ตรงกับกระทรวงที่รับผิดชอบ อันนี้ต้องถือว่าทำได้ดี และต้องชมเชยผู้ที่เสียสละเข้ามารับตำแหน่งด้วย การเมืองเข้ามาแล้วอาจจะไม่ค่อยได้มีความสุขนัก ไม่อยากจะใช้คำว่ายินดี เพราะการเมืองต้องบอกว่าขอบคุณท่านเสียสละ อยากให้ประสบความสำเร็จ ส่วนจะให้เวลาทำงานนั้น ตนว่าไม่ต้องให้เวลากันแล้ว ต้องรีบทำงานเลยในตอนนี้ วิกฤติวันนี้หนึ่งวินาทีก็มีความหมาย หนึ่งชั่วโมงก็มีความหมาย

                     

ส่วนบทบาทของพรรคชาติพัฒนาหลังจากถอยเพื่อชาติแล้วจะช่วยรัฐบาลอย่างไรนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า คิดว่าเราก็ยังเป็นพรรครัฐบาล ฉะนั้นอะไรที่เราสนับสนุนได้ เช่น การทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ มีเสียงในสภาฯ การผลักดันกฎหมาย งบประมาณต่างๆ เราสามารถที่จะช่วยเหลือได้ อย่างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ตอนนี้มีการพูดกันมาก ในคณะกรรมาธิการที่ศึกษาเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขเรื่องนี้เรามี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาอยู่ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่วันนี้บรรยากาศที่จะแก้ไข รธน.เหมือนกับตกผลึกในชั้นต้นกันแล้ว

 

 วันนี้ในสภาฯ มีการแต่งตั้งกรรมาธิการ เพื่อเสนอแนวทางว่า รธน.ควรจะแก้หรือไม่ ควรจะแก้ประเด็นไหน อย่างไร วิธีการไหน ซึ่งฟังเสียงดูแล้วกรรมาธิการก็เห็นด้วย รัฐบาลก็กำหนดไว้อยู่ในนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วย พรรคการเมืองเห็นด้วย ส.ว.ก็เห็นด้วย และพี่น้องประชาชนก็ค่อนข้างที่จะเห็นด้วย

 

ฉะนั้นวันนี้ก็ค่อนข้างที่จะเริ่มต้นของบรรยากาศที่ดีในการเห็นตรงกัน ซึ่งพรรคชาติพัฒนาก็ยินดีที่จะสนับสนุนว่า การแก้ไขรธน.เป็นเรื่องที่ทุกคนเห็นตรงกันแล้ว และต่อไปสเต็ปที่สองจะแก้ประเด็นไหน หมายความว่าอะไรที่เป็นปัญหาของประเทศ เช่น วันนี้ทุกคนเป็นห่วงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นปัญหาหรือไม่ เพราะกระบวนการยุติธรรมเป็นโครงสร้างพื้นฐานอย่างหนึ่งของประเทศ ในการที่จะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ถ้ากระบวนการยุติธรรมดี คนก็อยากมาอยู่ อยากมาเที่ยว และอยากมาลงทุน

                           

“อย่างเช่น เรากำลังเกิดวิกฤติเรื่องเศรษฐกิจ โครงสร้างต่างๆ อำนาจหน้าที่ต่างๆ ที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ รัฐธรรมนูญจะมีการปรับปรุงแก้ไขไหม กลไกลของระบบเศรษฐกิจสามารถต่อสู้วิกฤติเศรษฐกิจจากโควิดได้ หรือระบบการเมืองเลือกตั้งมาแล้วมีปัญหาใช่ไหม การเลือกตั้ง การคำนวณคะแนนเสียงต่างๆ ผมคิดว่าสมมุติ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นประเด็นพยายามสรุปประเด็นให้ชัดเจน และให้พี่น้องประชาชนลงความเห็นด้วย เพราะรัฐธรรมนูญจะแก้กันอย่างไรเสียก็ต้องกลับไปหาพี่น้องประชาชน ฉะนั้น ประเด็นต่างๆ ในการแก้ไม่ตรงกับใจพี่น้องประชาชนแล้วมันก็จะยากลำบาก ฉะนั้น การรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนในประเด็นที่ควรแก้หรือประเด็นที่ควรแก้ที่เกิดจากผู้คนในสภาฯ เกิดจากรัฐบาล เกิดจาก ส.ว. เกิดจากพรรคการเมือง แล้วมาผสมมาทำความเข้าใจกันให้ตรงกันว่าเราจะแก้ไขในประเด็นใด สุดท้ายเป็นเรื่องของวิธีการแก้ว่าจะแก้กันอย่างไร จะแก้เรียงมาตรา จะแก้ 256 หรือจะแก้โดยการมี สสร. มันมีขั้นตอนที่จะเดิน”

 

สำคัญที่สุดที่จะทำให้การแก้ รธน.เรียบร้อยก็คือ การมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย การรับฟังเสียงของประชาชน และมันอาจจะต้องเป็นเรื่องของการเสียสละ เพราะบางทีบทบัญญัติ หรืออำนาจหน้าที่บางอย่างที่ถูกกำหนดไว้ไปเกี่ยวโยงกับหลายส่วน ฉะนั้น ถ้าเกิดหลายส่วนเสียสละในการที่จะให้ความร่วมมือกัน เพื่อให้ได้ รธน.ที่ดีที่สุดและตรงใจพี่น้องประชาชน ตรงกับปัญหาประเทศ อย่างนี้คือ ความสำเร็จของการแก้ไข รธน. ซึ่งพรรคชาติพัฒนายินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนกลไกลต่างๆ ที่สามารถให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • Aut O.
    ถ้ารัฐบาลนี้ทำได้คงทำไปนานแล้ว แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่มีปัญญานี่แหละ
    07 ส.ค. 2563 เวลา 16.38 น.
  • PT
    อยุ่บ้านเถอะพอไมต้องพุด ไม่มีใครให้ความสำคันแล้ว
    07 ส.ค. 2563 เวลา 16.32 น.
ดูทั้งหมด