เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 12 มกราคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. กล่าวถึงกรณี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ถูกคนร้ายนำบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชี ว่าส่วนตัวขอแสดงความเห็นใจและยืนยันออกหมายจับนั้นทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนหลังมีการออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งพบว่า น.ส.ณิชา ไม่เข้ามารายงานตัวและให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนจึงมีการออกหมายจับ แต่พนักงานสอบสวนก็ได้รับฟังคำให้การและการร้องทุกข์ ยืนยันจะทำให้เกิดความชัดเจนและความเป็นธรรม ส่วนกรณีดังกล่าวจะเป็นความปล่อยปละละเลยของธนาคารหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 เป็นผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ระบุถึงกระแสข่าวการปรับเงินหรือการเยียวยาแก่ธนาคารที่เปิดบัญชีให้แก่บุคคลตัวปลอมที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรประชาชนที่แท้จริง ว่า ปปง. จะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารและเกี่ยวกับการเปิดบัญชีต่างๆ ซึ่งมีการกำหนดหลักการการเปิดบัญชีไว้ตามขั้นตอน (KYC) ก่อนธนาคารจะเปิดบัญชีให้บุคคลใดก็ต้องมีการตรวจสอบก่อน เช่น การให้สอบถามข้อมูลส่วนตัวผู้ขอเปิดบัญชี วัน เดือน ปีเกิด ที่อยู่ อาชีพ ต่างๆ ตามระเบียบขั้นตอน แต่หากพบว่าพนักงานธนาคารไม่ทำตามขั้นตอนการตรวจสอบก่อนเปิดบัญชี ก็จะเปรียบเทียบปรับต่อธนาคารเป็นเงินสูงสุด 1 ล้านบาท ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักเกณฑ์ แต่ตอนนี้ไม่อยากให้ด่วนสรุป ขอให้รอการตรวจสอบก่อน โดยวันนี้ (12 ม.ค.) จะเข้าไปตรวจสอบข้อมูล 4 ธนาคาร จากนั้นวันอังคารที่ 16 มกราคม จะไปตรวจสอบข้อมูลอีก 3 ธนาคาร รวมถึงจะมีการเรียกธนาคาร สถาบันการเงิน 30 กว่าแห่งทั่วประเทศมาวางมาตรการป้องกัน ทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้ปัญหาลักษณะนี้อีก
ขณะที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือ น.ส.ณิชา ว่า เป็นความผิดพลาดในบางขั้นตอนของการดำเนินคดีในช่วงของการเข้าไปแสดงตัวตามหมายจับ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ให้ความสำคัญและติดตามเรื่องนี้ โดยสั่งการให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัดตากเข้าไปดูแล แจ้งสิทธิ์ต่างๆ แม้ว่า น.ส.ณิชา จะมีทนายความดูแลอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่า น.ส.ณิชา ไม่ได้มีเจตนาหลบหนีและไม่มีเจตนาในการกระทำผิด โดยได้ให้ความช่วยเหลือแนะนำขั้นตอนการรับสิทธิ์ต่างๆ จากกองทุนยุติธรรมที่สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ทันที รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการสู้คดีทั้งหมด ทั้งค่าทนายความ ค่าเอกสาร ค่าตรวจสอบ ค่าเดินทาง เป็นต้น
ส่วนการถูกควบคุมตัวในเรือนจำก็อยู่ในข่ายได้รับสิทธิ์รับเงินชดเชยตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ซึ่งคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมจะพิจารณาค่าชดเชยอีกครั้ง ซึ่งปกติจะเป็นไปตามอัตราค่าแรงขั้นต่ำ
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. เปิดเผยว่า ได้รับการสั่งการจาก พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบร่วมสนับสนุนการทำงานของคณะทำงานของตำรวจ เพื่อช่วยคลี่คลายคดีของน.ส.ณิชา จึงมีการจัดตั้งกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการของกก.1 บก.ป. ขึ้นมาเพื่อร่วมสืบสวนคลี่คลายคดีโดยเฉพาะ พร้อมสั่งการให้เร่งตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดทางคดีโดยเร็วที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มกราคม เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวของบก.ป. ลงพื้นที่สืบหาข้อมูลและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารธนชาต สาขาสีลม คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่คนร้ายนำบัตรประชาชนของน.ส.ณิชา ไปเปิดบัญชี ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า คนร้ายได้นำบัตรประชาชนของน.ส.ณิชา ไปเปิดบัญชีธนาคารที่ธนาคารดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของบก.ป. ยังพบข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงเวลาที่น.ส.ณิชา ทำบัตรประชาชนหายนั้น คนร้ายนำบัตรประชาชนของน.ส.ณิชา ไปลงทะเบียนเปิดใช้ซิมโทรศัพท์มือถืออีก 4 หมายเลข ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อดำเนินการตรวจสอบ
สำหรับ 9 บัญชี 7 ธนาคารที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประชาชน น.ส.ณิชา ไปเปิดบัญชีนั้น ประกอบด้วย ธ.ไทยพาณิชย์ 1 บัญชี สาขาเดอะมอลล์ บางแค ธนาคารกสิกรไทย สาขาเดอะมอลล์ บางแค 1 บัญชี ธ.ทหารไทย สาขาซีคอน บางแค ธ.ออมสิน 1 บัญชี สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ธ.กรุงเทพ 1 บัญชี สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ธ.กรุงไทย 2 บัญชี สาขาลาดพร้าว 102 และสาขาเดอะมอลล์ บางแค และธ.ธนชาต 2 บัญชี สาขาสีลม คอมเพล็กซ์ และสาขาลาดพร้าว 177
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน น.ส.ณิชา พร้อมด้วยทนายความ ได้ไปรายงานตัวที่ศาลจังหวัดตากเป็นครั้งที่ 1 หลังจากที่ได้รับการประกันตัวไปเมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา จากนั้นเดินทางไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยมี พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จว.ตาก พ.ต.อ.ศักดิ์ดา สังขนิตย์ รองผบก.ภ.จว.ตาก ร่วมสอบปากคำ
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า ได้สอบสวนเพิ่มเติมกรณีบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ไปเปิดบัญชีตามธนาคารต่างๆ ตามที่น.ส.ณิชา ได้แจ้งความไว้ 7 ธนาคาร 9 บัญชี ซึ่งต้องใช้ทีมสอบสวนทั้งหมด จากนั้นจะให้ทีมสอบสวนนำผลการสอบสวนทั้งหมดในการใช้ดุลพินิจพิจารณาคดีต่อไป
น.ส.ณิชา กล่าวว่า มอบเอกสารและรายละเอียดทุกอย่างที่พนักงานสอบสวนต้องการหมดแล้ว รวมทั้งทดสอบแบบลายมือชื่อ เพื่อเปรียบเทียบกับรายมือคนร้ายตัวจริงที่ไปเปิดบัญชี ภาพถ่ายของคนร้ายผู้หญิงที่ไปเปิดบัญชีกับธนาคารต่างๆ ถ้าหากพนักงานสอบสวนต้องการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกก็ยินดี อย่างไรก็ตามต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขในส่วนที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ เช่นกรณีการยกเลิกบัตรประจำตัวประชาชนบัตรเก่า แล้วทำบัตรใหม่ บัตรเก่าต้องไม่สามารถนำไปใช้ได้อีก พนักงานธนาคารควรต้องมีการตรวจสอบบัตรประชาชนให้ดีก่อนที่จะอนุญาตให้มีการเปิดบัญชีได้ ถ้าคนร้ายนำไปเปิดบัญชีความเดือดร้อนก็จะตกอยู่ที่ประชาชนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ส่วนการฟ้องร้องธนาคารทั้ง 7 แห่งนั้น ฟ้องแน่ แต่รอให้การดำเนินคดีเสร็จสิ้นก่อนจึงจะให้ทนายความดำเนินการฟ้องต่อไป
กาน เอาใจช่วยขอให้ชนะจะได้เป็นคดีตัวอย่าง
13 ม.ค. 2561 เวลา 04.39 น.
Ken ฟ้องแบงค์ละร้อยล้าน และฟ้องตำรวจด้วยครับ เอาให้รู้ว่าควรทำคดีให้รัดกุม
13 ม.ค. 2561 เวลา 04.50 น.
prasart เอาให้ถึงที่สุด อย่ายอมด้วยประการทั้งปวงจะได้เป็นตัวอย่าง....เอาใจช่วยครับ
13 ม.ค. 2561 เวลา 05.09 น.
Rich 88/162 ยืนยัน ตำรวจไม่ผิด ธนาคารไม่ผิด กระบวนการยุติธรรม ไม่ผิด กรมการปกครอง ไม่ผิด น้อง นิชา ผิดคนเดียว เพราะทุกฟ่าย ออกมาแก้ตัวว่า ทำตามขั้นตอน และ แหกปากว่า ฉันไม่ผิด
13 ม.ค. 2561 เวลา 05.47 น.
เวลาเราเจอปัญหา. ก็เหมือนเราอยู่ในน้ำ
สิ่งที่ทำได้ก้อคือกระเสือกกระสน
ว่ายต่อไป เอาชีวิตรอด
13 ม.ค. 2561 เวลา 04.24 น.
ดูทั้งหมด